Facebook
Twitter
LINE

เคยได้ยินเรื่องราวของชายชื่อ Carlos Slim กันมาก่อนไหม?

สำหรับคนไทยหลายคน นี่คงจะไม่ใช่ชื่อที่เราคุ้นหูกันสักเท่าไหร่ แถมสินค้าของเขา ก็ไม่ค่อยโด่งดังในไทยซะด้วย

แต่รู้หรือไม่ว่า ชายคนนี้เคยเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ตั้งแต่ปี 2010-2013 ติดต่อกันยาวนานถึง 4 ปี

เริ่มสงสัยกันแล้วใช่ไหม ว่าชายคนนี้เป็นใคร!? ทำกิจการอะไรกันแน่ ถึงได้ร่ำรวยเงินทองได้ขนาดนี้!?

 

ชายผู้เกิดมาเป็นนักลงทุน..

Carlos Slim Helú เกิดที่เมืองเม็กซิโกซิตี้ เมืองหลวงของประเทศในปี 1940

เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กอยู่กับครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักธุรกิจ และนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์

ลักษณะทางบ้านเช่นนี้ทำให้ Carlos Slim มีความสนใจในโลกธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก

ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ เขาเรียนรู้การซื้อพันธบัตรรัฐบาล และเข้าใจหลักการของดอกเบี้ยทบต้น

ตอนอายุ 12 ปี เริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกในชีวิต ด้วยการซื้อหุ้นธนาคาร

จากนั้นเขาก็เก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากการช่วยพ่อทำงาน มาลงทุนในตลาดหุ้น

และเวลาไปไหนมาไหน ผู้คนก็จะพบว่าเด็กหนุ่ม Carlos มักจะพกสมุดบัญชีส่วนตัว ไว้จดบันทึกรายการต่างๆ อยู่เสมอ

 

แม้ว่าเขาจะเลือกเรียนต่อในด้านวิศวกรรม แต่สุดท้ายเมื่อเจ้าตัวเรียนจบมา ก็เรียนต่อคอร์สด้านเศรษฐศาสตร์ ก่อนจะผันตัวไปลงทุนกับตลาดหุ้นอย่างเต็มตัว

จนกระทั่งในปี 1965

Carlos ที่อายุเพียง 25 ปี มีเงินทุนเก็บไว้กว่า 12 ล้านบาท (เทียบกับค่าเงินปัจจุบันก็ราวๆ 100 ล้านบาท)

ซึ่งนั่นมากพอที่จะสามารถเปิดบริษัทหลักทรัพย์ของตัวเองได้ เขาจึงเริ่มผันตัวจากนักลงทุนรายใหญ่ ไปเป็นเจ้าของบริษัทค้าหลักทรัพย์

จากนั้น ในตอนที่ประเทศกำลังตกอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ Carlos ก็กว้านซื้อบริษัทจำนวนมากในราคาถูก เข้ามาอยู่ในพอร์ทการลงทุนของเขาเอง

 

ชายผู้รู้จักการซื้อหุ้นตั้งแต่อายุ 12 ปี

 

สู่การเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก

ถึงวัยกลางคน Carlos มีกิจการอยู่ภายใต้การควบคุมนับร้อย

ไม่ว่าจะเป็นบริษัทน้ำดื่ม บริษัทรับเหมาก่อสร้าง บริษัทผลิตยาสูบ บริษัทพลังงาน หรือแม้แต่ห้างสรรพสินค้า

และด้วยความที่เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นพร้อมกับการเติบโตของประเทศ

ธุรกิจที่เขาคัดเลือกมาก็สามารถทำกำไรได้มากขึ้น แถมยังมีทรัพย์สินเพิ่มจากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นไปอีก

จะว่าไป เขาก็คือชายที่มีความสามารถในการมองกิจการใกล้เจ๊งออก ว่าธุรกิจไหนจะไปได้ หรือธุรกิจไหนไปไม่รอด

แม้มันจะไม่สำเร็จไปเสียทุกครั้ง แต่ครั้งที่สำเร็จ ก็สามารถสร้างกำไรและเพิ่มทรัพย์สินของเขาได้อย่างมหาศาล

 

แม้เขาจะมีธุรกิจจำนวนมาก แต่ธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับเขามหาศาล ก็คือธุรกิจด้านโทรคมนาคม

ย้อนกลับไปในในช่วงปี 1990 นาย Carlos มีโอกาสได้ซื้อหุ้นบริษัท Telmex ที่ดูแลเรื่องบริการโทรศัพท์พื้นฐานจากทางรัฐบาล

จากนั้นบริษัทก็ถูกนำออกจากตลาดหุ้น กลับมาเป็นบริษัทจำกัดอีกครั้งหนึ่ง

เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาล จึงเรียกได้ว่าบริษัทค่อนข้าง “ผูกขาด” ธุรกิจด้านโทรคมนาคมของประเทศ

ตั้งแต่ยุค 1990 ต่อเนื่องมาถึงยุค 2000 ความต้องการใช้งานเครือข่ายสื่อสารนั้นเติบโตขึ้นมาก

พร้อมกับการขยายตัวของบริษัท ทั้งในเม็กซิโกเอง รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรในสหรัฐฯ ขยายบริการให้ครอบคลุมไปมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นบริการโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

ซึ่ง Telmex นั้นมีส่วนแบ่งสูงถึง 92% ของบริการในประเทศ

 

ทำให้ในปี 2010 เขาถูกประเมินว่ามีทรัพย์สินมากถึงราวๆ 2.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอย่างเต็มตัว

เหนือกว่าทั้ง Bill Gates, Warren Buffett และ Bernard Arnault  อีกด้วย

 

Carlos Slim ในปัจจุบัน

 

เรื่องราวหลังจากปี 2010

ปัจจัยที่ทำให้ Carlos Slim หล่นลงจากมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก เชื่อกันว่ามาจาก 3 ปัจจัยที่สำคัญ

เรื่องแรก คือการอ่อนค่าอย่างหนักของเงินเปโซ จากเดิม 13 เปโซต่อดอลลาร์ในยุคนั้น มาเป็น 22 เปโซต่อดอลลาร์ในสมัยนี้

เศรษฐีกิจของเม็กซิโกไม่ได้เติบโตไปได้ด้วยดี อย่างที่เคยเกิดขึ้นในยุค 1990 – 2000 อีกแล้ว

ปัจจัยถัดมา คือความพยายามในการลด “การผูกขาด” ของรัฐบาลเม็กซิโก

กฎหมายใหม่เปิดโอกาสให้มีคู่แข่ง โดยเฉพาะธุรกิจโทรคมนาคม ที่ต่างชาติและบริษัทเล็กเข้ามาแข่งขันได้มากขึ้น

อีกปัจจัยก็คือ.. การพุ่งขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด ของเหล่าเศรษฐีด้านธุรกิจไอที ทั้งจากสหรัฐฯ และจีน ยึดตำแหน่งคนรวยที่สุดในโลกไปจนหมด

ทำให้ปัจจุบัน Carlos Slim ถูกประเมินว่ามีทรัพย์สินราวๆ 1.58 ล้านล้านบาท น้อยลงกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนอยู่ 30%

และเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 12 ของโลกในปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตาม โลกของธุรกิจและการเงินก็ให้ข้อคิดที่น่าสนใจกับเรา..

แม้ Carlos จะยังเป็นมหาเศรษฐีเช่นเดิม มีเงินเหลือกินเหลือใช้เช่นเดิม ครองอันดับหนึ่งของประเทศเม็กซิโกได้เช่นเดิม

แต่ธุรกิจหนึ่งๆ ก็ย่อมมีจุดสูงสุดและจุดอิ่มตัวอยู่เสมอ

ยุคแห่งการผูกขาดโทรคมนาคมของเขาอาจจะจบลงแล้ว และตอนนี้ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลก ล้วนแต่มาจากธุรกิจไอทีแทบทั้งสิ้น

แต่สำหรับในอนาคตอีก 10-20 ปีข้างหน้าล่ะ

เราจะยังคงเห็น Jeff Bezos, Bill Gates และ Mark Zuckerberg ครองตำแหน่งนี้ต่อไปได้หรือไม่??

หรือจะมีธุรกิจแบบใด ที่จะขึ้นมาแทนที่ได้อีกในอนาคต

คุณลองจินตนาการดูสิครับ ว่าคำตอบนั้นเป็นอย่างไร…!?

 

เคยได้ยินเรื่องราวของชายชื่อ Carlos Slim กันมาก่อนไหม?สำหรับคนไทยหลายคน นี่คงจะไม่ใช่ชื่อที่เราคุ้นหูกันสักเท่าไหร่…

โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2020

 

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา

www.investopedia.com/articles/investing/103114/how-carlos-slim-built-his-fortune.asp

www.forbes.com/profile/carlos-slim-helu/#401d5d3e646b

www.bloomberg.com/billionaires/profiles/carlos-slim-helu/

www.britannica.com/biography/Carlos-Slim-Helu

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...