“เขาดูเป็นคนดี ไม่คิดว่าจะถือปืนไปกราดยิงใครได้หรอกนะ!!”
นี่คือคำกล่าวที่เราอาจจะเคยได้ยิน เมื่อมีการรายงานถึงฆาตกรที่ก่อเหตุรุนแรง โดยเฉพาะเหตุการณ์กราดยิงที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา
นั่นแสดงว่า คนที่เราพบปะกันอยู่ทุกวัน คนที่ขับรถประจำทางของเรา หรือคนที่เดินสวนกันเมื่อเช้า คนปกติเหล่านั้นก็สิทธิ์จะเป็น “คนร้ายกราดยิง” ได้เช่นกัน
แล้วอะไรล่ะ ที่เป็นสาเหตุให้เขาเหล่านั้นเปลี่ยนจากคนธรรมดา มาเป็นคนร้ายกราดยิง ผมเลยอยากจะหยิบยกเนื้อหาจากนิวยอร์กไทม์ ที่รวบรวมงานวิจัยหลายๆ อย่างมาให้ได้อ่านกันครับ
ข้อแรก การกราดยิงและความรุนแรง นำไปสู่การเลียนแบบ
เราอาจจะคิดว่า “ทำไมเหตุกราดยิง จึงเกิดถี่ขึ้น ซ้ำยังรุนแรงมากขึ้นในช่วงหลัง!?”
เรื่องดังกล่าวเราอาจจะไม่ได้คิดไปเอง เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจและนักวิจัย สามารถหาความเชื่อมโยงของเรื่องดังกล่าวได้
นอกจากตัวเลขการกราดยิงที่ถี่ขึ้น และการยอมรับสารภาพของฆาตกรบางคน ที่บอกว่าได้แรงบันดาลใจจากการเลียนแบบพฤติกรรมกราดยิงแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น
– คนร้ายกราดยิงโรงเรียนประถมแซนดี้ฮุก ในสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาวิธีการของการกราดยิงที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ อันเคยเป็นข่าวโด่งดัง
– เหตุการณ์กราดยิงไนท์คลับที่เมืองฟลอริด้า จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 50 ราย พบว่าคนร้ายศึกษาเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันที่เกิดในรัฐแคลิฟอร์เนีย
– หรือเหตุการณ์กราดยิงในร้านวอลมาร์ท ก็พบว่าคนร้ายนั้นได้รับชมวิดีโอกราดยิงในมัสยิดที่อยู่ในอีกซีกโลก ในประเทศนิวซีแลนด์
นักจิตวิทยายังเสริมอีกว่า “คนร้ายกราดยิง” จะมองตัวเองเหมือนกับเป็นกลุ่มพรรคพวกเดียวกัน เป็นพี่น้องกับผู้ก่อเหตุก่อนหน้า มองว่าตัวเองมีเป้าหมายเดียวกันกับพวกเขา ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอีกด้วย
แล้วนอกจากการเลียนแบบ อะไรที่ทำให้คนเหล่านั้นกลายเป็นผู้ร้ายกราดยิง!?
ก่อนหน้านี้ มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าคนร้ายกราดยิง คือกลุ่มคนที่เรียกว่า “มีอาการทางจิต” หรือที่พูดกันด้วยภาษาง่ายๆ ว่า “เป็นบ้า” หรือไม่!?
แต่มีนักจิตวิทยาคนหนึ่ง ลองศึกษาคดีการก่อเหตุดังกล่าวกว่า 350 เคส ย้อนหลังไปในประวัติศาสตร์เกือบร้อยปี
เขากลับพบว่ามีเพียง 20% ของผู้ก่อเหตุเท่านั้น ที่จะสรุปได้เลยว่ามีปัญหาทางจิต
อันที่จริง กลุ่มคนที่มีปัญหาทางจิตตั้งแต่เด็กนั้น คือกลุ่มคนที่มักจะถูกกีดกันจากสังคม และได้รับความรุนแรงมากกว่าคนทั่วไปเสียด้วยซ้ำ
ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจจะโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียน พวกเขาอาจจะถูกพ่อแม่ทำร้าย เพราะไม่สามารถเป็นลูกดั่งที่พ่อแม่หวังเอาไว้ได้
ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่สะสมมานั้น อาจจะทำให้ผู้ที่มีปัญหาทางจิต มาปลดปล่อยความรุนแรงในภายหลังได้
ขณะที่อีก 80% ของผู้ก่อเหตุ นักจิตวิทยาระบุว่าพวกเขาก็เหมือนกับเราๆ และคนทั่วไปที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน
พวกเขาคือเรา ที่ต้องพบเจอปัญหาทั่วไปในชีวิต ทั้งความโกรธ ความไม่พอใจอะไรสักอย่าง ความโดดเดี่ยว ความเศร้าหมอง หรือกระทั่งความอิจฉาริษยาก็ตาม
ถึงจุดหนึ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ได้ และประกอบกับสิ่งเร้าต่างๆ ที่เข้ามาในเวลานั้น ก็พร้อมจะเปลี่ยนให้ “คนธรรมดา” กลายมาเป็น “คนร้ายกราดยิง” ได้ภายในเวลาข้ามวันทันที
เราอาจจะเห็นเรื่องดังกล่าวผ่านกรณีศึกษาของเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นมาหลายครั้ง ทั้งเรื่องจริง ทั้งบนจอภาพยนตร์ของเรื่อง Joker ที่โด่งดังในไทยไปเมื่อปีก่อน
หรือกระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในไทย ก็ดูเหมือนเป็นกรณีของคนธรรมดา ที่กลับกลายเป็นฆาตกรกราดยิงได้ภายในข้ามวันเช่นกัน…
ขอแสดงความอาลัยต่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน และหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตครับ
"เขาดูเป็นคนดี ไม่คิดว่าจะถือปืนไปกราดยิงใครได้หรอกนะ!!"นี่คือคำกล่าวที่เราอาจจะเคยได้ยิน…
โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2020
ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit
– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!
Advertisement