“บ้าน” คือหนึ่งในความฝันของหลายคน และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ย่อมไม่สามารถซื้อด้วยเงินสด จึงนำมาซึ่งการกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน
ในมุมหนึ่ง การซื้อบ้านสร้างหนี้สินให้กับเรา
แต่อีกมุมหนึ่ง มันก็คือจัดเป็นหนี้ที่ดี เพราะนอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังอาจจะสร้างรายได้ด้วยค่าเช่า หรือราคาเพิ่มขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นหนี้ที่ดี แต่ถ้าหาก “ก่อหนี้จนเกินตัว” มันก็อาจจะกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่แย่มากๆ ได้
เพราะฉะนั้น ก่อนจะสร้างหนี้บ้านซึ่งเป็นหนี้ระยะยาว 20-30 ปี มีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถผ่อนบ้านได้อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้นครับ..
1. ซื้อบ้านราคาเท่าไรดี!?
มีกฎที่น่าสนใจข้อหนึ่งว่า “เราไม่ควรสร้างหนี้ เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน”
ว่ากันตามความจริง ทฤษฎีนี้เรียกว่าค่อนข้างเพลย์เซฟมาก
ยกตัวอย่างเช่น
เงินเดือน 20,000 บาท ไม่ควรผ่อนเกิน 40% หรือ 8,000 บาทต่อเดือน
ทำให้เราเราซื้อบ้านได้ไม่เกิน 1,150,000 บาทเท่านั้น
ส่วนระดับเงินเดือนอื่นๆ ลองดูตามในตารางนะครับ
ตัวเลขดังกล่าว อาจจะฟังดูน้อยไปสำหรับหลายคน และบางครั้งคุณอาจจะคิดว่าสร้างหนี้สัก 50-60% ของรายได้ อาจจะไม่มีปัญหาอะไร
ซึ่งจะว่าไป การสร้างหนี้ระดับนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
แต่.. ปัญหาก็คือ บางครั้งความคิดดังกล่าว นำไปสู่การสร้างหนี้ระดับ 80% ของรายได้
หรือพูดง่ายๆ ว่าเงินเดือน 20,000 บาท เผลอสร้างหนี้ 16,000 บาทต่อเดือนแล้ว ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาตามมาภายหลังได้
(แม้ว่าบางครั้งเงินเดือน 15,000 บาท แต่บางธนาคารก็อาจจะอนุมัติให้ยอดเกิน 1,000,000 บาท ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับการพิจารณา
แต่ตารางนี้ก็ทำมาเพื่อให้เราสามารถผ่อนได้แบบ “สบายใจ ไม่เดือดร้อน”
เพื่อให้ทุกคนมีบ้านได้อย่างมีความสุขที่สุดครับ!!)
2. ซ้อมผ่อนลม 6 เดือนก่อนผ่อนบ้าน #ทดสอบตัวเอง #แถมมีเงินสำรอง
เพราะ “วิกฤติทางการเงิน” การจะเกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลา ใครจะคิดว่าจู่ๆ จะมีโรคระบาด เกิดการล็อกดาวน์ไปทั่วโลก
บริษัทอาจจะเลิกจ้าง ทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราโดนลอยแพ
หรือกระทั่งธุรกิจที่เปิดมาดีๆ ต้องปิดตัวลง
และนั่นอาจทำให้คุณ “ไม่มีเงินพอจ่ายหนี้” ขึ้นมาซะอย่างนั้น
สมมติว่าคุณมีรายได้เดือนละ 30,000 บาท
ตัดสินใจซื้อบ้านราคา 2,000,000 บาท
ลองคำนวณที่ดอกเบี้ยประมาณ 5% ผ่อนชำระ 30 ปี
คุณจะมีภาระต้องผ่อนเดือนละประมาณ 12,000 บาท
คุณจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองผ่อนไหว??
เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ เราควรทดลอง “ผ่อนด้วยตัวเอง” ก่อน
หลังจากเงินเดือนออกทุกเดือน ก็หัก 12,000 บาทเก็บเอาไว้
แล้วค่อยเอาเงินเดือนที่เหลือไปใช้จ่ายอื่นๆ
ข้อสำคัญคือ… ห้ามมายุ่งกับเงินยอดผ่อนบ้านนี้เด็ดขาด!!
ถ้าลองเก็บไปประมาณ 6 เดือน คุณก็จะมีเงินทั้งหมด 12,000 x 6 = 72,000 บาท
แสดงว่า ตัวคุณเองสามารถลองผ่อนบ้าน 6 เดือนไหวแล้ว
(แถมยังเข้าใจความรู้สึกตอนผ่อนจริงๆ ด้วยว่าเป็นยังไง)
ถ้าคุณไม่ได้เปลี่ยนใจอะไรจาก 6 เดือนก่อน ก็ยื่นกู้ซื้อบ้านได้เลย!!
แล้วเงินที่เก็บมาล่ะ??
เงินที่เก็บมาตลอด 6 เดือนนั้น ก็ไม่แนะนำให้เอาออกไปใช้จ่าย
แต่เก็บเงินนั้นไว้เหมือนเดิม แล้วเรียกมันว่า “เงินสำรองผ่อนบ้าน”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะไม่ไปแตะมัน หรือนำมันออกมาใช้
ซึ่งเงินก้อนนี้ จะมีประโยชน์มากในยามที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน อย่างช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมายังไงล่ะ
3. โปะเงินผ่อนบ้านมากขึ้นนิดหน่อย ประหยัดเงินได้เป็นล้าน
โดยปกติเงินกู้ซื้อบ้าน เป็นเงินที่มีมูลค่าสูง เพราะฉะนั้นการผ่อนชำระเป็นประจำทุกเดือน จะจ่ายไปเข้าดอกเบี้ยซะมากกว่าเงินต้น
การจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ที่เยอะมาก ทำให้รวมกันแล้วตลอด 30 ปี ราคาบ้านที่คุณจ่ายไป จะคิดเป็นเกือบ 2 เท่าของราคาบ้านเลยทีเดียว!!
จำหลักการง่ายๆ ของการผ่อนให้หมดเร็วได้ใช่ไหมครับ..??
“ถ้าเงินต้นลด ดอกเบี้ยก็ลดตามไปด้วย”
การลดเงินต้นก็ทำได้ง่ายๆ โดย “การผ่อนเพิ่มจากยอดที่กำหนด” หรือที่เรียกติดปากกันว่า “โปะบ้าน” นั่นเอง
ในตารางนี้ผมก็เลยจำลองการโปะเพิ่มในอัตราต่างๆ
ซึ่งจะทำให้เห็นว่า…
การที่คุณโปะเพิ่มเดือนละแค่ 10% เนี่ย จะสามารถทำให้คุณผ่อนบ้านได้หมดเร็วขึ้นถึงเกือบ 5 ปี จาก 30 ปี ลดเหลือเพียงประมาณ 25 ปีเท่านั้น
ยิ่งจ่ายเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเดือนละ 20% ก็ประหยัดเวลาผ่อนไปได้ถึงประมาณ 6 ปีกว่าๆ
อย่างไรก็ตาม ตารางนี้เป็นเพียงแบบจำลองเบื้องต้นเท่านั้น เพราะทุกคนคงไม่ได้ซื้อบ้าน 3,000,000 บาท และได้ดอกเบี้ย 4% เหมือนกันหมด
แต่น่าจะทำให้เห็นประโยชน์ของการจ่ายเงินเพิ่มสักเล็กน้อย เพื่อผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้นได้นะครับ!!
ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit
– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!
Advertisement