ประเด็นเรื่องของการ “คุ้มครองเงินฝาก 1 ล้านบาท”กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ นั่นเพราะจะเริ่มมีการบังคับใช้ในวันที่ 11 สิงหาคม ที่จะถึงนี้
สำหรับหลายคนที่ยังไม่ทราบถึงเรื่องดังกล่าว และที่มาที่ไป เราจะพาย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นการคุ้มครอง สรุปให้เข้าใจง่ายๆ มาจนถึงปัจจุบันครับ..
– จุดเริ่มต้นการคุ้มครองเงินฝาก
ในอดีตประเทศไทยเราไม่ได้มีการคุ้มครองเงินฝากแต่อย่างใด จนกระทั่งเจอกับวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 ซึ่งมีสถาบันการเงินล้มหายตายจากไปจำนวนมาก
รัฐบาลสมัยนั้น กังวลเรื่องความเชื่อมั่นของธนาคารที่เหลืออยู่ ก็เลยประกาศ “ค้ำประกัน” ให้กับเจ้าหนี้และผู้ฝากเงินเต็มจำนวน (โดยให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มารับหนี้ดังกล่าว) นั่นคือจุดเริ่มต้นของการคุ้มครองเงินฝากในไทย
ต่อมาในปี 2546 เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวและเติบโตได้ดี ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็เลยเสนอไปว่าควรจะมีการจัดตั้ง “สถาบันคุ้มครองเงินฝาก” ขึ้นมา เพื่อผลประโยชน์ของผู้ฝากเงินโดยตรง
ในที่สุดหลังจากร่างกฎหมายและผ่านขั้นตอนต่างๆ นานเกือบ 5 ปี ในที่สุดสถาบันคุ้มครองเงินฝากก็เกิดขึ้น และการคุ้มครองเงินฝากก็บังคับใช้ในวันที่ 11 สิงหาคม 2551
บทความเก่า สำหรับใครอยากอ่านเพิ่มเติมเรื่องวิกฤติต้มยำกุ้ง
เปิดตำนาน “ต้มยำกุ้ง” อะไรคือสาเหตุวิกฤตปี 2540 สรุปให้คุณเข้าใจในบทความเดียว..
– สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ทำหน้าที่อย่างไร?
หน้าที่หลักๆ ของสถาบันคุ้มครองเงินฝากก็คือการเก็บเงินจากสถาบันการเงิน/ธนาคาร มาสะสมเป็นกองทุนคุ้มครองเงินฝาก เพื่อใช้ในการจ่ายคืนกับผู้ฝากเงิน
สมมติเกิดวิกฤติหนักจนถึงขั้นธนาคารสักแห่งล้มขึ้นมา สถาบันฯ ก็จะต้องทำหน้าที่ชำระบัญชีสถาบันการเงินนั้น และนำเงินมาจ่ายคืนกับผู้ฝาก
ถ้าไม่พออีก ก็จะใช้เงินกองทุน มาจ่ายเงินคืนให้กับผู้ฝากเงินโดยเร็วที่สุด
ซึ่งในปัจจุบันมีการคุ้มครองเงินฝากอยู่ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร และกำลังจะถูกปรับเป็น 1 ล้านบาท ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ จนกลายเป็นกระแสดังนั่นเองครับ
– ใครที่ได้รับผลกระทบ จากการปรับลดการคุ้มครองเงินฝาก?
พูดง่ายๆ ก็คือ ใครที่มีบัญชีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทต่อสถาบันการเงิน ก็จะได้รับผลกระทบในกรณีเกิดเหตุวิกฤติที่สุดนั่นก็คือสถาบันการเงินล้ม จะได้รับการคุ้มครองสูงสุดเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น
คนได้รับผลกระทบเยอะแค่ไหน?
ถ้าเราอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในไทยมีบัญชีเงินฝากรวมกันประมาณ 109 ล้านบัญชี แต่เป็นบัญชีที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท อยู่ 1.7 ล้านบัญชี หรือราวๆ 1.5% เท่านั้น
หรือพูดง่ายๆ กว่าบัญชีในไทยประมาณ 98.5% จะไม่ได้รับผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายในครั้งนี้มากนัก
ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบ วิธีการปรับตัวก็คือ โยกย้ายเงินในบัญชีของเราออกไปยังสถาบันการเงินอื่น ที่ได้รับการคุ้มครองเช่นกัน
ซึ่งสถาบันการเงินที่ได้รับการคุ้มครอง มีอยู่ทั้งสิ้น 35 แห่ง ตามรายชื่อในเว็บนี้ครับ https://www.dpa.or.th/articles/view/list-of-insured-financial-institutions
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ กระจายเงินฝากธนาคารละ 1 ล้านบาท ไปหลายๆ ธนาคาร ซึ่งก็จะคุ้มครองเงินเราได้มากถึงหลัก 20-30 ล้านบาทแล้วนั่นเอง
หวังว่าคอนเทนต์สรุปในครั้งนี้ จะช่วยคลายข้อสงสัย และทำให้หลายๆ คนเข้าใจในเรื่องของประเด็นการคุ้มครองเงินฝาก และแนวทางการปรับตัวของเราเองกันมากยิ่งขึ้นนะครับ
Advertisement