เชื่อว่าทุกคนเคยเจอปัญหา “พัสดุหาย”
ส่งไปแล้วผู้รับไม่ได้ของ หรือรอของจากคนส่งแล้วมันมาไม่ถึง
ซึ่ง Amazon เว็บไซต์ขายของออนไลน์อันดับหนึ่งของโลก ก็หลีกเลี่ยงปัญหานี้ไม่ได้เช่นกัน
เพราะตราบใดที่ยังใช้ “คน” ทำงาน
โอกาสเจอคนไม่สุจริตก็ยังคงมีอยู่
แล้วพวกเขาจะแก้ปัญหานี้อย่างไร??
ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งของ 5,000 ล้านชิ้น ไปยังลูกค้าทั่วโลก
หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยวันละมากถึง 13 ล้านชิ้น
พวกเขาจึงต้องให้ความสำคัญกับโกดังสินค้ามากเป็นพิเศษ
มีการติดกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย รวมถึงตรวจสอบพฤติกรรมของพนักงานในโกดังทุกคน
นั่นจึงทำให้สามารถจับได้ง่ายว่าใครทำผิดในโกดังสินค้า
แต่ถ้ามีคนทำผิดขึ้นมาล่ะ??
พวกเขาก็มีนโยบาย “ประจานคนทำผิด” ด้วยเช่นกัน..
ในจุดที่พนักงานใช้สำหรับลงเวลาเข้างาน บริษัทจะติดตั้งจอทีวีเอาไว้
ซึ่งระหว่างที่พนักงานมาต่อคิวลงเวลาเข้างาน ก็จะมีการฉายภาพที่เคยบันทึกในกล้องวงจรปิด ซึ่งจับพนักงานที่ถูกไล่ออกเพราะขโมยของเอาไว้ด้วย
พร้อมกับระบุรายละเอียดว่าขโมยเมื่อไร ขโมยอะไร มีมูลค่าสูงแค่ไหน พวกเขายอมรับสารภาพไหม
รวมถึงทิ้งท้ายว่าหัวขโมยเหล่านั้นโดนไล่ออก
แม้บางคนจะตั้งคำถามว่าเป็นการละเมิดสิทธิอดีตพนักงานเหล่านั้นหรือไม่
แต่บริษัทก็คิดว่านโยบายดังกล่าว ช่วยให้พนักงานคนอื่นเกิดความเกรงกลัว และไม่กล้าทำตาม
แต่ปัญหาอีกอย่าง… ถ้าของออกจากโกดัง ขึ้นรถส่งของไปแล้ว
ระหว่างทางเกิดการขโมยขึ้นมา โดยอาจจะแกล้งตีมึนว่าของหล่นหาย แบบนี้จะติดตามมันได้ยังไง??
อดีตพนักงานคนหนึ่งเปิดเผยข้อมูลว่า หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ นอกจากกล้องวงจรปิดแล้วก็คือ..
การคิดค้นระบบ “กล่องพัสดุปลอม” ขึ้นมา
โดยพัสดุเหล่านั้นจะถูกนำเข้าไปรวมกับกล่องสินค้าอื่นๆ
แต่ที่ต่างไปก็คือ มันเป็นกล่องที่ไม่มีข้อมูลอยู่ในระบบ
และมันก็คือ “กับดัก” สำหรับพนักงานขับรถส่งของ
ถ้าพนักงานขับรถสแกนกล่องเหล่านั้นตอนนำส่ง ก็จะขึ้นข้อความ Error แจ้งว่ามันไม่มีในระบบ
ทีนี้เขาก็มี 3 ตัวเลือก ระหว่าง
1. ติดต่อหัวหน้าแจ้งข้อผิดพลาดในตอนนั้นเลย
2. นำกลับไปยังโกดังสินค้าตอนสิ้นวัน แล้วตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น
หรือ
3. เก็บกล่องนั้นเอาไว้เอง เพราะยังไงก็ไม่มีใครรู้ว่ามันมีอยู่ในระบบ
ถ้าเขาเลือกข้อ 1 กับ 2 นั่นหมายความว่าเขาคือคนที่ตั้งใจทำงานโดยสุจริต
แต่ถ้าเขาเลือกข้อ 3 เขาก็จะต้องถูกสอบสวนแล้วว่าทำไมไม่มีกล่องนั้นมาคืน
ถ้าพบว่ามีความผิดจริง โทษหนักก็อาจจะเป็นการให้ออกจากงาน
เพราะบริษัทจะถือว่าเขาเป็น “ขโมย” ที่มีโอกาสจะฉกฉวยหยิบของลูกค้าคนอื่นๆ ในอนาคตอีก
ทำไมพัสดุหายจึงเป็นเรื่องใหญ่??
ข้อมูลจาก National Retail Federation ระบุว่า การที่พัสดุหาย ถูกขโมย หรือชำรุดนั้น มีผลกระทบต่อธุรกิจซื้อขายออนไลน์ของประเทศ
ทำให้บริษัทต้องมารับผิดชอบส่วนที่เสียหายไป เพราะพวกเขาต่างก็ต้องชดเชยให้ลูกค้า
ในปีล่าสุด ความเสียหายตรงนี้คิดเป็นการสูญเสียรายได้มากกว่า 1.5 ล้านล้านบาท
นั่นหมายถึงโอกาสที่บริษัทต่างๆ จะมีกำไรลดลง
ยกตัวอย่างเช่น Amazon นั้นทำกำไรได้ประมาณ 1.5% ของรายได้
หากสูญเสียรายได้ไป 1.5 ล้านล้านบาท ก็จะเสียกำไร 22,500 ล้านบาท
และหมายถึงภาษีที่เข้ารัฐบาล ซึ่งถ้าคำนวณด้วยอัตราภาษีบริษัท 21% แล้ว
ภาษีที่เข้ารัฐ ก็อาจจะลดลงตามไปด้วยกว่า 4,700 ล้านบาทเลยทีเดียว!!
ทางออกในอนาคตด้วย AI
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมาตรการออกมารัดกุมเพียงใด แต่ก็ยังเจอการทุจริตได้อยู่ดี
Amazon พยายามนำการใช้หุ่นยนต์ในโกดังสินค้าเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
ในปี 2016 บริษัทใช้หุ่นยนต์กว่า 30,000 ตัวจัดการสินค้า ขณะที่มีพนักงานเป็นมนุษย์ราว 230,000 คน
ในปี 2017 การใช้งานหุ่นยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 45,000 ตัว นั่นหมายถึงอัตราเติบโตกว่า 50%
และข้อมูลล่าสุดพบว่า Amazon ใช้งานหุ่นยนต์ 100,000 ตัว จัดการสินค้าในคลังสินค้าทั่วโลก
ตัวอย่างการใช้งานระบบหุ่นยนต์ในโกดัง Amazon และ Alibaba
หุ่นยนต์นั้นสามารถคำนวณวิธีการจัดเรียงสินค้าได้ดีกว่า
สามารถเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีน้ำหนักมากกว่าแรงมนุษย์
และสามารถทำงานได้ตลอดเวลาไม่ต้องหยุดพัก
แม้จะมีต้นทุนการลงทุนที่สูง แต่ในระยะยาวนั้นจะช่วยให้บริษัทประหยัดได้มากขึ้น
แต่… ก็ยังมีการถกเถียงถึงเรื่องใช้ AI เข้ามาทำงานแทนคนงาน เป็นการตัดโอกาสได้งานของคนในท้องถิ่นด้วยหรือไม่??
แต่เราก็อาจจะหลีกเลี่ยงการเข้ามาของหุ่นยนต์ในอนาคตไม่พ้น
เพราะโลกของเรากำลังหมุนไปในทิศทางนั้น ขึ้นอยู่กับว่ามันจะมาถึงจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง….
ติดตาม Billionaire Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionairethai/
– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/BillionaireThai
– ถ้าเล่นแต่ไลน์ ก็ส่งบทความให้คุณทุกวันที่ @BillionaireMindset
– ติดตามเพจ Billionaire Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!
ที่มา:
en.wikipedia.org/wiki/Amazon_(company)
uk.businessinsider.com/amazons-robot-army-has-grown-by-50-2017-1
nrf.com/system/tdf/Documents/retail%20library/NRF-NRSS-Industry-Research-Survey-2018.pdf?file=1&title=National%20retail%20security%20survey%202018
www.businessinsider.com/amazon-sets-traps-for-drivers-2018-9
www.nytimes.com/2017/09/10/technology/amazon-robots-workers.html
Advertisement