ย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นี่คือช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเป็นทั้ง “ความรุ่งเรือง” และ “ความสูญเสีย” ของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
ในช่วงเวลา 4 ปีนั้น เกิดเหตุการณ์ที่ทั้งตลาดหุ้น +67% ภายในเวลาปีเดียว และตามมาด้วยการตกลงอย่างหนัก -50% ภายในเวลาปีเดียวอีกเช่นกัน
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นในช่วงฤดูร้อนของปี 1914
หลายคนให้คำนิยามว่า “สงครามโลกครั้งที่ 1” เปรียบเสมือน “การสู้รบด้านการผลิต” (War of Production)
นั่นเป็นเพราะถือเป็นสงครามแรกๆ ที่นอกจากจะใช้ยุทธศาสตร์ทางการรบแล้ว ยังแข่งกันด้วยความสามารถในการผลิตของแต่ละฝ่าย ว่าฝ่ายไหนจะสามารถปั๊มยุทโธปกรณ์ออกมาสู้รบได้มากกว่ากัน
ถ้ากำลังการผลิตภายในประเทศไม่พอ ก็ต้องสั่งซื้อเข้ามาจากต่างประเทศ
และผลประโยชน์ก็ตกมาถึง “สหรัฐอเมริกา” ประเทศที่ตอนแรกยังคงวางตัวเป็นกลาง
คำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก หลั่งไหลมาจากประเทศคู่ค้าที่สำคัญในตอนนั้น 3 ชาติ ประกอบไปด้วยอังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย
สหรัฐฯ สามารถส่งออกทั้งอาหาร ยาง เครื่องจักร เหล็ก ไปจนถึงยานยนต์ ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
นำมาสู่การเติบโตเฟื่องฟูของเศรษฐกิจภายในประเทศ ในช่วง 2 ปีแรกของสงคราม
จากปี 1914 ที่คนว่างงานในสหรัฐฯ สูงกว่า 16.4% ผ่านไปเพียงสองปี ลดลงมาเหลือเพียง 6%
และจากข้อมูลพบว่า ตั้งแต่ปี 1913 ถึงปี 1917 นั้น สหรัฐฯ มีรายได้จากการส่งออกเพิ่มก้าวกระโดด จาก 2,400 ล้านเหรียญ ไปเป็น 6,200 ล้านเหรียญ
ตัวเลขอาจจะฟังดูน้อย แต่ถ้าแปลงมาเป็นค่าเงินในยุคนี้ จะเป็นการเพิ่มจาก 1.9 ล้านล้านบาท ไปเป็น 4.9 ล้านล้านบาท
(เทียบว่าเฉพาะรายได้จากการส่งออก สามารถเอามาบริหารประเทศไทยในยุคนี้ได้เกือบ 2 ปี!!)
ในขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ พุ่งจาก 54 จุด ไปทำจุดสูงสุดที่ 99 จุด เพิ่มขึ้นถึง 67% ภายในปี 1915 เพียงปีเดียว
เมื่อ “พ่อค้า” แปรเปลี่ยนเป็น “นักรบ”
ความเป็นกลางของสหรัฐฯ มาถึงจุดเปลี่ยนในเดือนเมษายน ปี 1917 หลังจากกองเรือเยอรมันโจมตีเรือสินค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อค้าผู้นี้ยอมไม่ได้
และอย่างที่กล่าวไปตอนแรก ว่าสงครามโลกครั้งนี้ เหมือนกับการแข่งขันว่าใครจะเป็นผู้นำแห่งการผลิตของโลกสมัยใหม่
และก็ได้เวลาที่สหรัฐฯ จะประกาศให้โลกรู้ว่าพ่อค้าคนนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง…
– แผนงานเศรษฐกิจในประเทศ ถูกเปลี่ยนจากการผลิตเพื่อการค้า มาเป็นการผลิตเพื่อสงครามเป็นหลัก
– ประชากรกว่า 3,000,000 คน ถูกผลักดันเข้าสู่กองทัพอเมริกัน
– นั่นทำให้แรงงานหญิง ก็ต้องมาทำงานภาคอุตสาหกรรม แทนแรงงานชายที่ไปเป็นทหาร
– อัตราการว่างงาน พุ่งสู่จุดต่ำสุดที่ 1.4% ในปี 1918
– ค่าแรงขั้นต่ำ พุ่งขึ้นเกือบสองเท่า ภายในเวลาเพียง 4 ปี (ลองคิดภาพว่ารายได้ขั้นต่ำพุ่งจากวันละ 330 เป็น 600 บาท ในเวลาแค่ 4 ปี น่าจะเห็นภาพมากขึ้น)
และเมื่อสงครามสิ้นสุดลง มีรายงานว่าโรงงานอเมริกันร่วมกันผลิต…
– ปืนไรเฟิล 3.5 ล้านกระบอก
– กระสุนปืนใหญ่ 20 ล้านลูก
– ดินปืนไร้ควัน 633 ล้านปอนด์
– ระเบิด 376 ล้านปอนด์
– เครื่องยนต์เครื่องบิน 21,000 เครื่อง
และยุทโธปกรณ์อื่นๆ อีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งนับเป็นการผลิตในด้านปริมาณที่ชาติอื่นยากจะทัดเทียมได้
ผลกระทบจากสงคราม…
สหรัฐฯ อยู่ฝั่งที่ชนะสงคราม และเป็นการประกาศให้โลกฝั่งยุโรป รู้ว่ามหาอำนาจยุคใหม่กำลังถือกำเนิดขึ้นแล้ว
แถมเป็นการยืนยันว่าประเทศแห่งนี้ เต็มไปด้วยเงินสด แรงงาน ความสามารถในการผลิต และเทคโนโลยี ที่สามารถกลายเป็นพ่อค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากสงครามก็สร้างความเจ็บช้ำให้กับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่ไม่น้อย
มีการประเมินว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตอนนั้นสูงถึง 960,000 ล้านบาท คิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP สหรัฐฯ
ถ้าเทียบเคียงกับค่าเงินปัจจุบัน เท่ากับว่าความเสียหายครึ่งหนึ่งของ GDP นั้นจะสูงถึง 300 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
(ซึ่งเฉพาะตัวเลขความเสียหาย ก็มากกว่า GDP ของไทยเกือบ 20 เท่า!!)
นอกจากนั้น การผลิตที่เพิ่มขึ้นสูงเกินไปในช่วงสงคราม ก็นำมาสู่การทยอยปิดโรงงานในช่วงหลังสงคราม
ประชากรนับล้านต้องกลายเป็นคนไม่มีงานทำอีกครั้ง โดยเฉพาะเหล่าทหารผ่านศึก ซึ่งหลายคนต่างก็ได้รับความบอบช้ำทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
ซึ่งกว่าที่เศรษฐกิจเริ่มตั้งตัวได้อีกครั้ง ก็ต้องรอถึงปี 2022 เป็นเวลาเกือบ 4 ปีหลังจากสงครามจบลง
เมื่อความเศร้าหมองจากสงครามเริ่มเลือนลางไป ผู้คนก็พร้อมที่จะจับจ่ายใช้สอย เกิดการจ้างงาน มีการผลิตสินค้าใหม่ เกิดการหมุนเวียนของเงินมหาศาล ตลาดหุ้นก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
แต่..!! การฟื้นตัวครั้งใหม่นี้ กลับเหมือน “ระเบิดเวลาลูกใหม่” ที่รอวันระเบิด และกำลังจะสร้างความเสียหายหนักเกินคาดคิด
ใช่ครับ… เรากำลังจะพูดถึง The Great Depression ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก ที่คุณจะได้อ่านในตอนถัดไป
สำหรับเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่จบลงไปนี้ ก็คือตอนเปิดของซีรีส์ “สรุปวิกฤติตลาดหุ้นสหรัฐฯ 100 ปี” ความยาว 7 ตอน
ซึ่งจะเล่าเรื่องราววิกฤติที่น่าสนใจ 7 ครั้งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 1900 มาจนถึงยุคปัจจุบัน
สำหรับคนที่สนใจ รออ่านตอนต่อไปได้ทางหน้าเพจ ได้เลยนะครับ
และหากมีอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถร่วมคอมเมนต์ติชม ร่วมพูดคุยกันได้เช่นเคยครับ…
สงครามโลกครั้งที่ 1 จุดกำเนิดพ่อค้าแห่งสงคราม #สรุปวิกฤติตลาดหุ้นสหรัฐ100ปี #ตอนแรก…
โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2020
ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit
– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!
ที่มา:
https://www.macrotrends.net/1319/dow-jones-100-year-historical-chart
https://www.nber.org/digest/jan05/w10580.html
https://www.thoughtco.com/world-war-i-economy-4157436
https://eh.net/encyclopedia/u-s-economy-in-world-war-i/
https://www.calculator.net/inflation-calculator.html
https://www.macrotrends.net/countries/ranking/gnp-gross-national-product
Advertisement