Facebook
Twitter
LINE

เคยสงสัยกันไหมว่า ประเทศไหนมาเที่ยวไทยแล้วจ่ายหนักที่สุด??

จากข้อมูลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเก็บสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยในปี 2017

พบว่า “อุซเบกิสถาน” เป็นประเทศที่มาเที่ยวไทยแล้วเปย์หนักที่สุด

จากจำนวนนักท่องเที่ยว 19,745 คน

เฉลี่ยใช้จ่ายคนละ 131,342 บาท

นั่นสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเราสูงถึง 2,500 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีประเทศตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออก ติดเข้ามาทั้ง ลัตเวีย ลิทัวเนีย จอร์แดน และกาตาร์

ส่วนลำดับอื่นๆ ในท็อป 8 นั้น สามารถดูได้ตามอินโฟกราฟิกเลยนะครับ

 

 

ในกรณีของ “ประเทศจีน” ที่ต้องยกมาเพราะเพิ่งเขียนเรื่องนักท่องเที่ยวจีนไปเมื่อวาน แถมยังเป็นเรื่องที่คนไทยหลายๆ คน ให้ความสนใจอยู่ด้วย

พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว “คนจีน 1 คน จะใช้จ่ายเงินประมาณ 53,484 บาท”

(ติดเข้ามาในลำดับที่ 24 จากทั้งหมด 85 ประเทศที่เก็บข้อมูล)

แต่… ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากมายมหาศาลถึง 9,800,000 ล้านคน

นั่นทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีน กลายเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้มากที่สุด คิดเป็นมูลค่าถึง 524,000 ล้านบาท

 

ห้าแสนล้านนี้มากแค่ไหน…??

ถ้าเทียบกับรายได้ที่รายงานทั้งปีประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท

รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนก็สูงถึง 29% เลยทีเดียว

ซึ่งจำนวนดังกล่าวมากกว่ากลุ่มประเทศในยุโรปรวมกันอีกด้วย!!

(แต่ถ้าเฉลี่ยเป็นรายคนแล้ว นักท่องเที่ยวจากยุโรปจะจ่ายหนักกว่า อยู่ที่ประมาณ 73,000 บาทต่อคน)

 

คุณภาพ vs ปริมาณ??

หากเราจะเทียบคุณภาพกับปริมาณ เราอาจจะหยิบรายได้จากของนักท่องเที่ยว “จีน” และ “อุซเบกิสถาน” มาเปรียบเทียบกันได้

(ไม่ได้มีเจตนาแฝงเรื่องเชื้อชาติ หรือพฤติกรรมนักท่องเที่ยวแต่อย่างใดนะครับ เอาตัวเลขมาคุยกันล้วนๆ)

แม้ค่าใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวอุซเบกิสถาน จะมากกว่าชาวจีนถึง 2.45 เท่า

แต่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกือบๆ 20,000 คน เราจึงถือว่าเป็นตัวแทนในเรื่องของ “คุณภาพ” ในการสร้างรายได้

ส่วนนักท่องเที่ยวจีน แม้จะจ่ายต่อคนน้อยกว่า แต่เกือบ 10 ล้านคน นั้นคือปริมาณที่ช่วยสร้างรายได้มหาศาล

 

ทีนี้.. นำไปสู่การถกเถียงว่า เราจะเน้นคุณภาพหรือปริมาณดี??

ผมเชื่อว่าการเน้นไปทางใดทางหนึ่งอย่างสุดโต่ง ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ

สมมติว่าเราจะเอาแต่ปริมาณนักท่องเที่ยว และตัวเลขรายได้ที่เกิดขึ้น ไม่คัดกรองอะไรทั้งสิ้น

นั่นย่อมนำไปสู่การหลั่งไหลเข้ามามากจนเกินไป ตามมาด้วยปัญหานักท่องเที่ยวไร้คุณภาพ ปัญหาด้านสถานที่ท่องเที่ยว ปัญหาด้านอาชญากรรม ที่ทำให้การท่องเที่ยวนั้นไม่ยั่งยืน

 

แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราจะเอาแต่นักท่องเที่ยวที่จ่ายหนัก

ตั้งเกณฑ์เอาไว้ว่าชาติไหนจ่ายเยอะ เราบริการดี เราเต็มใจรับ ชาติไหนจ่ายน้อยหน่อย ก็บริการพอผ่านๆ

ย่อมทำให้ชื่อเสียงของไทยในฐานะเมืองท่องเที่ยว เสื่อมลงไปกว่าเดิมเช่นกัน

 

เพราะฉะนั้น ทางที่ดีคือการหา “จุดสมดุล” ของการท่องเที่ยว

ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้น คงต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งหน่วยงานภาครัฐ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ทั้งรายเล็กรายใหญ่ รวมถึงประชาชนในท้องถิ่นด้วยเช่นกัน

คุณคิดว่าไทยเราจะมีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเกิดขึ้นได้หรือไม่??

และต้องทำอย่างไรจึงจะไปถึงจุดนั้น?? มาร่วมกันนำเสนอแนวทาง และพูดคุยกันในโพสต์นี้ได้เลยครับ…

 

หวังว่านี่จะเป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ไว้ใช้ประกอบการพูดคุยเรื่องนักท่องเที่ยวจีนในบทความที่แล้วได้นะครับ

สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านบทความก่อน ตามไปได้ที่: ทำไม “คนจีน” ไม่มาเที่ยวไทย?? กับรายได้ 500,000 ล้านบาท ที่อาจหายไป…

 

 

ติดตาม Billionaire Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionairethai/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/BillionaireThai

– ถ้าเล่นแต่ไลน์ ก็ส่งบทความให้คุณทุกวันที่ @BillionaireMindset

– ติดตามเพจ Billionaire Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...