Facebook
Twitter
LINE

เคยได้ยินโฆษณา “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” รึเปล่าครับ??

ถ้าจะบอกว่า “ศรีสวัสดิ์” กับ “เงินติดล้อ” ไม่ได้เป็นบริษัทเดียวกัน หลายคนก็อาจจะทำหน้างงๆ

เรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปชวนให้ติดตามมากทีเดียว ลองย้อนอดีตกลับไปศึกษาธุรกิจนี้ด้วยกันครับ…

 

เปิดตำนานศรีสวัสดิ์

ย้อนไปในปี พ.ศ.2522 ครอบครัว “แก้วบุตตา” ก่อตั้ง บริษัท ศรีสวัสดิ์ เพชรบูรณ์ จำกัด เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์

เพราะเมื่อเกือบ 40 ปีก่อนนั้น ชาวบ้านในต่างจังหวัดจะเข้าถึงแหล่งเงินยาก เพราะฉะนั้นวิธีที่จะหาเงินก็คือ “เอารถมาจำนำ” เพื่อเอาเงินไปใช้จ่ายในกรณีต่างๆ

บริษัทมองเห็นช่องว่างตรงนี้ แล้วก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในท้องถิ่น

 

จนกระทั่งในปี 2534 กิจการของศรีสวัสดิ์ยังคงเติบโตได้อย่างดี พร้อมกับการขยายตัวของเศรษกิจไทยในช่วงนั้น

บริษัทสามารถขยายสาขาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ ไปยังส่วนอื่นๆ ของประเทศได้มากถึง 130 สาขา พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ศรีสวัสดิ์อินเตอร์เนชั่นแนล (1991)

ธุรกิจยังคงดำเนินเรื่อยมา สามารถผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2543 ไปได้

 

ต่อมาในปี 2550 ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ไปเตะตากับบริษัทระดับโลก AIG  ที่ให้ความสนใจเข้าซื้อกิจการของศรีสวัสดิ์

ครอบครัวแก้วบุตตา ซึ่งทำธุรกิจนี้มา 28 ปี จึงตัดสินใจขายกิจการให้กับบริษัทใหญ่ของสหรัฐฯ

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ดันเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา

ซึ่ง AIG เองก็ได้รับผลกระทบอย่างสาหัส ทำให้บริษัทต้องตัดสินใจขายกิจการหลายๆ อย่างทิ้งไป รวมถึงธุรกิจศรีสวัสดิ์ด้วยเช่นกัน

 

ในปี 2552 ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซื้อกิจการมาบริหารงานเอง แล้วก็โปรโมตธุรกิจภายใต้แบรนด์ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ”

โดยการทำโฆษณาต่างๆ มากมาย เน้นให้คนเห็นว่าการเอารถมาแลกเป็นเงินนั้นสะดวก ได้เงินเร็ว และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

จนกระทั่งแบรนด์นี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดี มีผู้ใช้บริการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

เข้าตลาดราคา 10 บาท ตอนนี้ประมาณ 53 บาท

 

เกิดความขัดแย้งในทางธุรกิจ..

ย้อนกลับไปเล็กน้อยตอนปี 2551

หลังจากที่ขายกิจการให้กับ AIG แล้ว กลุ่มผู้ก่อตั้งเดิมของศรีสวัสดิ์ ก็มาทำกิจการคล้ายรูปแบบเดิม

ก่อตั้งเป็นบริษัท พีวีแอนด์เคเคเซอร์วิส จำกัด ให้บริการสินเชื่อรถทุกชนิด บริษัทดังกล่าวก็เติบโตได้อย่างรวดเร็วภายใต้แบรนด์ “ศรีสวัสดิ์”

จนกระทั่งสามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นไทยได้สำเร็จในปี 2557

 

ทางฝ่ายของธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองว่าบริษัทตนเองทุ่มงบทำโฆษณาโปรโมต “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” จนคนติดใจชื่อแบรนด์ไปแล้ว

แต่นั่นทำให้ “ศรีสวัสดิ์” บริษัทใหม่ที่ตั้งมาได้รับผลประโยชน์ตามไปด้วย และลูกค้าอาจจะเกิดความสับสนขึ้นได้

เพราะเป็นรูปแบบของธุรกิจแนวเดียวกัน แถมยังมีชื่อคล้ายกันมากอีก

ขณะที่อีกฝ่ายก็ยืนยันว่าทำธุรกิจด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ใช้ชื่อเลียนแบบให้เกิดความสับสนแต่อย่างใด

 

เมื่อความเห็นไม่ลงรอย ก็นำไปสู่การฟ้องร้อง

ฝ่าย “เงินติดล้อ” ก็ยื่นฟ้องศาล ในเรื่องของการใช้ชื่อและโลโก้ที่อาจจะก่อให้เกิดความสับสน

แต่สุดท้ายในปี 2560 ที่ผ่านมา ศาลตัดสินยกฟ้อง และให้ทาง “ศรีสวัสดิ์” สามารถใช้ชื่อนั้นต่อไปได้

 

ทำให้ทางฝ่ายของทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา รีแบรนด์ใหม่ เปลี่ยนชื่อมาใช้คำว่า “เงินติดล้อ” ในที่สุด

ถึงขั้นทำโลโก้ซึ่งเป็นคำว่า “เงินติดล้อ” แล้วกากบาทคำว่า “ศรีสวัสดิ์” ตรงมุมออกไปให้เห็นกันซึ่งๆ หน้า ว่าบริษัทนี้คือเงินติดล้อนะ ไม่ใช่ศรีสวัสดิ์แล้ว

 

โลโก้เงินติดล้อในแต่ละปีที่ผ่านมา

 

 

รายได้ของทั้ง 2 บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง??

เริ่มจากทางบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย มีมูลค่ากิจการ 72,000 ล้านบาท

รายได้ย้อนหลังช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และสามารถทำกำไรได้ทุกปี

ปี 2560 รายได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท กำไร 2,700 ล้านบาท

ปี 2561 รายได้ประมาณ 7,900 ล้านบาท กำไร 2,800 ล้านบาท

ปี 2562 รายได้ประมาณ 9,800 ล้านบาท กำไร 3,800 ล้านบาท

รายได้โตขึ้นปีละประมาณ 18% กำไรโตขึ้นปีละประมาณ 20% ถือว่าเติบโตมากพอสมควร

 

ส่วนทางด้านบริษัท เงินติดล้อ จำกัด แจ้งรายได้ต่อกระทรวงพาณิชย์ไว้ว่า

ปี 2560 รายได้ประมาณ 5,800 ล้านบาท กำไร 1,200 ล้านบาท

ปี 2561 รายได้ประมาณ 7,500 ล้านบาท กำไร 1,300 ล้านบาท

ปี 2562 รายได้ประมาณ 9,400 ล้านบาท กำไร 2,200 ล้านบาท

ทางฝั่งนี้ก็มีการเติบโตขึ้นทุกปี เฉลี่ยรายได้โต 27% ส่วนกำไรโตปีละประมาณ 38%

 

เว็บไซต์ของทางด้านเงินติดล้อในปี 2561

.

เว็บไซต์ของศรีสวัสดิ์ (เงินสด ทันใจ) ในปี 2561

 

เมื่อเทียบทั้ง 2 บริษัท จะเห็นว่าแม้ตอนนี้ “ศรีสวัสดิ์” จะนำอยู่เล็กน้อย แต่ “เงินติดล้อ” ก็สร้างรายได้ในระดับเดียวกันได้แล้ว

ขณะที่สัดส่วนกำไรสุทธิต่อรายได้นั้น ดูเหมือน “ศรีสวัสดิ์” จะทำในด้านนี้ได้ดีกว่า

ส่วนทางด้าน “เงินติดล้อ” ก็มีข้อได้เปรียบของตัวเอง เพราะมีบริษัทใหญ่อย่างธนาคารกรุงศรีอยุธยาหนุนหลังอยู่

 

เกมการแข่งขันในด้านธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ระหว่าง 2 เจ้าใหญ่นี้ จึงเป็นเรื่องน่าจับตามองอย่างมาก

ในอนาคตระหว่าง “ศรีสวัสดิ์” และ “เงินติดล้อ” ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะศึกครั้งนี้ก็ตาม

แต่ทำให้เราได้ทราบอย่างหนึ่งว่า…

การเติบโตด้าน “รายได้และกำไร” ของธุรกิจประเภท “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นธุรกิจที่เติบโตสูงมากเลยทีเดียว!!

 

 

ติดตาม Billionaire Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionairethai/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/BillionaireThai

– ติดตามเพจ Billionaire Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

 

ที่มา:

www.ngerntidlor.com/th/Home.html

www.meebaanmeerod.com/home

marketeeronline.co/archives/76293

www.moneyandbanking.co.th

www.thairath.co.th/content/943340

http://datawarehouse.dbd.go.th/bdw/est/details4.html?jpNo=0105549126493

www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=SAWAD

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...