Facebook
Twitter
LINE

หุ้น SAK หรือบริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก

เนื่องจากในการเข้าซื้อขายวันแรกนี้ สามารถทำราคาหุ้นไปปิดที่ 8.00 บาท สูงกว่าราคาจอง 3.70 บาท ถึง 116%

หรือพูดง่ายๆ ว่าใครได้จองซื้อหุ้นไป ก็สามารถทำกำไรได้เป็นสองเท่าภายในวันเดียวทันที!!

หลายคนอาจจะสงสัยว่าธุรกิจน้องใหม่ในตลาดหุ้นนี้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง? เราเลยอยากจะพาคุณไปรู้จักเป็นการคร่าวๆ ครับ..

 

 

ศักดิ์สยามลิสซิ่ง หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อ แต่พวกเขาทำธุรกิจสินเชื่อมาตั้งแต่ปี 2536 แล้ว จนถึงปัจจุบันเกือบ 30 ปี

จากสาขาแรกในอุตรดิตถ์ ขยายไปยังพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน สร้างรายได้เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ

จากธุรกิจเล็กๆ ของครู 2 คนที่เริ่มต้นจากบ้านพักข้าราชการ ตอนนี้กลายมาเป็นธุรกิจลีสซิ่งที่มีสาขา 500 สาขา และพนักงานกว่า 1,500 คน

ในส่วนของรายได้นั้น เติบโตจาก 928 ล้านบาท เป็น 1,256 ล้านบาท และ 1,604 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

รายได้ของบริษัทเกือบ 90% ก็คือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถต่างๆ เป็นหลัก ทั้งรถยนต์ จักรยานยนต์ และรถใช้ในการเกษตร

 

เมื่อมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ บริษัทจึงเดินตามรอยของบริษัทลีสซิ่งเจ้าใหญ่ก่อนหน้านี้

ศักดิ์สยามลิสซิ่ง ตัดสินใจเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น เพื่อนำเงินไปลงทุนขยายพอร์ตสินเชื่อ และขยายสาขาแข่งกับเจ้าอื่นๆ

 

เราลองเทียบรายได้ของ SAK กับธุรกิจอื่นที่ใกล้เคียงกันในตลาดหุ้น ซึ่งก็ต้องขอยก 2 บริษัทนี้มาเทียบครับ..

เมืองไทย แคปปิตอล

รายได้ปีล่าสุด 12,687 ล้านบาท

มีกำไร 4,237 ล้านบาท

จำนวนสาขา 4,798 สาขา

 

ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ

รายได้ปีล่าสุด 9,793 ล้านบาท

มีกำไร 3,756 ล้านบาท

จำนวนสาขา 4,080 สาขา

 

ศักดิ์สยามลิสซิ่ง

รายได้ปีล่าสุด 1,604 ล้านบาท

มีกำไร 345 ล้านบาท

จำนนสาขา ประมาณ 500 สาขา

 

หุ้นของทั้ง 2 บริษัทใหญ่นั้น ปัจจุบันนักลงทุนซื้อขายหุ้นกันอยู่ที่ P/E 24 เท่า และ 20 เท่า ตามลำดับ

แต่ในราคาปัจจุบันที่ซื้อขายกันอยู่ที่ 8.00 บาท ค่า P/E ของศักดิ์สยามลิสซิ่ง อยู่ที่ประมาณ 30 เท่า หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นการลงทุนที่คืนทุนภายใน 30 ปี

ซึ่งจะแปลว่าตอนนี้ตลาดหุ้นกำลังให้ค่าของบริษัทนี้ มากกว่าสองเจ้าใหญ่ในตลาดงั้นหรือ!?

 

ที่ตลาดให้ค่าของศักดิ์สยามลิสซิ่ง มากกว่าเจ้าใหญ่ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นบริษัทขนาดเล็ก อยู่ในช่วงกำลังเติบโต จึงมีโอกาสสร้างรายได้ก้าวกระโดดในอนาคตมากกว่าบริษัทใหญ่

นี่จึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่า หลังจากได้เงินทุนจากการเข้าตลาดหุ้นไปแล้ว ธุรกิจนี้จะสามารถขยายสาขา เพิ่มพอร์ตสินเชื่อ รวมถึงสร้างรายได้เพิ่มไปแข่งกับผู้นำในตลาดได้อย่างไรบ้าง!?

 

อย่างที่เราเห็นว่าศรีสวัสดิ์ มาจากเพชรบูรณ์ กลายเป็นยักษ์ใหญ่ของประเทศได้

เมืองไทยแคปปิตอล ก็มีจุดเริ่มต้นจากสุโขทัย กลายเป็นลีสซิ่งรายใหญ่ได้สำเร็จ

แล้วลีสซิ่งจากอุตรดิตถ์ จะเป็นอีกเจ้าที่เติบโตสู่ระดับประเทศได้หรือไม่ อีกไม่นานนักเราคงได้รู้กัน…

 

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...