Facebook
Twitter
LINE

หากพูดถึงนักธุรกิจที่รำรวยของจีน คนไทยน่าจะนึกถึง “แจ็ค หม่า” เป็นชื่อแรกเสียส่วนใหญ่

แต่แท้จริงแล้ว ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในจีน กลับเป็นคนไม่ค่อยชอบออกสื่อนัก

“หม่า ฮั่วเถิง” หรือที่ชาวตะวันตกรู้จักในนาม “โพนี่ หม่า” คือเจ้าของ Tencent บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีน

ใหญ่ขนาดไหน?? มูลค่าตลาดของ Tencent บริษัทเดียวประมาณ 13 ล้านล้านบาท

ซึ่งมีขนาดพอๆ กับ GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศ!!

 

 

อยากจะรู้จักชายคนนี้มากขึ้นรึเปล่า เพจแนวคิดพันล้านสรุปมาให้ได้อ่านกันแล้วครับ…

– หม่า ฮั่วเถิง เกิดในปี 1971 ที่เมืองซัวเถา แต่ต้องย้ายตามพ่อซึ่งไปทำงานเป็นผู้จัดการท่าเรือในเซินเจิ้น

– ในวัยเด็ก เขาชอบการดูดาว และใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักดาราศาสตร์

– ต่อมาเขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซินเจิ้น สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และจบปริญญาตรีในปี 1993

– งานแรกของเขาคือโปรแกรมเมอร์ที่บริษัท China Motion Telecom Development ทำหน้าที่พัฒนาโปรแกรมสำหรับเครื่องเพจเจอร์ ซึ่งได้รับเงินเดือนราวๆ 5,200 บาท

 

จุดเริ่มต้นของธุรกิจมูลค่าล้านล้าน

– ในปี 1998 เริ่มอิ่มตัวจากการทำงาน หม่าจึงรวมตัวกับเพื่อนอีก 3 คน ก่อตั้งบริษัท Tencent

– ช่วงแรกบริษัทให้บริการวางระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งทั้ง 4 คนต้องช่วยกันทำงานในทุกหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ขายของ นักพัฒนา นักบัญชี กระทั่งพ่อบ้านทำความสะอาด

– การเติบโตของโลกออนไลน์ ทำให้เขาได้รู้จักโปรแกรมแชทชื่อดังอย่าง ICQ ซึ่งเปิดตัวในปี 1996

– หม่าจึงนำมาพัฒนา OICQ (Open ICQ) เปิดให้บริการในจีนปี 1999

– OICQ นั้นมีลักษณะเหมือนกับ ICQ แทบทั้งหมด เพียงเปลี่ยนเป็นภาษาจีนไว้ให้คนจีนใช้งานเท่านั้น จะถือว่าก็อปปี้มาก็ว่าได้

– OICQ เติบโตอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งโดนเจ้าของ ICQ ฟ้องด้านลิขสิทธิ์

– แม้ตอนนั้นจะมีคนใช้งานนับล้าน แต่พวกเขาต้องยอมยกเลิกชื่อเดิม และเปลี่ยนมาเป็น QQ ในท้ายที่สุด

(ที่ใช้ชื่อนี้เพราะเสียงพ้องกับคำว่า Cute ซึ่งแปลว่าน่ารัก)

– QQ สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้บริษัท จากการขายเหรียญในโปรแกรม เพื่อนำไปซื้อของตกแต่ง Avatar ให้ดูสวยงามน่ารักขึ้น จุดนี้ได้รับความนิยมจากสาวๆ ชาวจีนอย่างสูง

– นี่คือจุดสำคัญที่ทำให้หม่ารู้ว่า นอกจากการขายโฆษณาแล้ว เขาสามารถหารายได้จากการขายของให้ผู้ใช้งานได้ด้วย

 

QQ จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ

 

– ในปี 2004 Tencent จึงเริ่มนำเข้าเกมออนไลน์จากต่างประเทศ มาเปิดให้บริการในจีน

– บริษัทหารายได้จากการขายไอเท็มในเกม ซึ่งการเติบโตของตลาดเกมออนไลน์ในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมานั้นสูงมาก สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

– ปี 2008 พวกเขามองว่าการซื้อเกมมาเปิดบริการอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องรู้จักผลิตเกมของตัวเองด้วย

– หลังจากนั้นจึงเข้าลงทุนในบริษัทเกมด้วย ไม่ว่าจะเป็น Epic Games หรือ Riot Games ซึ่งมีเกมดังอย่าง League of Legends

 

เมื่อสมาร์ทโฟนและโซเชียลเน็ตเวิร์กเข้ามาเปลี่ยนโลก

– ในปี 2011 นั้น Tencent เปิดก็ตัวแอพพลิเคชั่น WeChat

– ภายในปีเดียว แอพ WeChat มีผู้ใช้งานสูงถึง 100 ล้านคนต่อวัน

– เมื่อเล็งเห็นโอกาสที่จะเติบโด WeChat จึงผันตัวเองจากแค่แอพแชท กลายมาเป็นแอพที่ครอบคลุมทุกอย่างในชีวิตประจำวัน

– ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงิน (WeChat Pay) การค้นหาข้อมูล โซเชียลเน็ตเวิร์ก อัพเดทข่าวสาร ไปจนถึงการเรียกแท็กซี่ หรือสั่งอาหารได้

– WeChat Pay กลายเป็นระบบจ่ายเงินในจีนที่เป็นรองเพียงแค่ Alipay ของ Alibaba เท่านั้น

– ซึ่งสามารถใช้จ่ายเงินได้เกือบทุกที่ แม้กระทั่งการซื้อของในตลาดสดของเมือง หรือกระทั่งให้เงินขอทานผ่านแอพ!!

– ปัจจุบันแอพ WeChat กลายเป็นแอพยอดนิยมในจีน ที่มีผู้ใช้บริการมากกว่า 900 ล้านคนต่อวัน

 

เปลี่ยนจากบริษัทคอมพิวเตอร์ เป็นบริษัทโฮลดิ้งเต็มตัว

– หลังจากประสบความสำเร็จด้านเกมและแอพ หม่าก็มองว่าบริษัท Tencent ควรจะปิดจุดอ่อนของตัวเอง ด้วยการลงทุนไปให้ครอบคลุมทุกๆ ด้าน

– เมื่อไม่มีเว็บขายของออนไลน์ ก็ไปลงทุนใน JD.com เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอันดับ 2 ของจีน

– อยากพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ก็ลงทุน 5% ในบริษัท Tesla

– อยากมีธุรกิจในสื่อบันเทิง ก็ไปจับมือกับบริษัทดังอย่าง HBO หรือ Warner Bros. เพื่อจัดจำหน่ายและถ่ายทอดในจีน

– หรือกระทั่งการมีบริการฟังเพลงออนไลน์ทั้ง QQ Music, Tencent Music รวมถึง Joox แอพที่คนไทยนิยมใช้กัน

– อ้อ.. เกือบลืม เว็บไซต์ Sanook.com ที่มีคนไทยเข้าวันละกว่าล้านคน ก็เป็นของ Tencent เช่นกัน

 

การลงทุนไปทั่วเอเชียและทั่วโลกแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าในปี 2017

บริษัท Tencent จะมีรายได้ในปีล่าสุดสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาท

และทำกำไรได้สูงถึง 340,000 ล้านบาท

ส่งผลให้ “หม่า ฮั่วเถิง” เป็นเศรษฐีผู้มีทรัพย์สิน 1.4 ล้านล้านบาท กลายเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในจีน

 

ธุรกิจมากมาย ในเครือของ Tencent

 

ในปัจจุบัน อันดับคนรวยของจีนยังคงขับเคี่ยวระหว่าง…

“ซู เจีย หยิน” เจ้าของเครือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่สุดในจีน บริษัทไชนา อีเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป

“แจ็ค หม่า” นักธุรกิจดังเจ้าของ Alibaba และบริษัทด้านไอที-อีคอมเมิร์ซอีกหลายแห่ง

และ “หม่า ฮั่วเถิง”

 

ซึ่งคาดการณ์ว่า ถ้าบริษัท Tencent ยังสามารถลงทุนและเติบโตได้ในอัตราที่สูงดังเช่นไม่กี่ปีที่ผ่านมา

สถานการณ์คนรวยที่สุดในจีน จะไม่ได้หมุนเวียนอยู่ที่ 3 คนนี้อีกแล้ว

เพราะธุรกิจของ “หม่า ฮั่วเถิง” จะทำให้เขามีทรัพย์สินก้าวกระโดด และทิ้งห่างอีก 2 คนไปได้ในที่สุด

การขับเคี่ยวของ 3 ยักษ์ใหญ่เมืองจีนสุดท้ายแล้วจะจบลงแบบใด คงเป็นเรื่องน่าสนใจให้เราได้ติดตามกันต่อไปครับ…

 

 

ที่มา:

https://en.wikipedia.org/wiki/Ma_Huateng

www.prachachat.net/world-news/news-101756

http://www.thaiall.com/blog/burin/9054/

https://www.forbes.com/china-billionaires/list/#tab:overall

https://en.wikipedia.org/wiki/WeChat

https://en.wikipedia.org/wiki/Tencent

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...