“เราอาจจะได้เห็นการส่งมนุษย์ไปในปีหน้าเลยก็ได้…”
นี่คือคำพูดที่ Elon Musk กล่าวในงานเปิดตัวต้นแบบจรวดไปดาวอังคารของเขา
หากใครยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้บริษัทเคยทดลองจรวดใช้งานซ้ำ ซึ่งส่งขึ้นไปบนวงโคจร แล้วกลับมาบนโลกได้อย่างปลอดภัย
จรวดนั้นคือ Falcon 1 มีความสูงประมาณ 21 เมตร หรือใหญ่กว่าคนทั่วไปประมาณ 12 เท่า
แต่นั่นไม่เพียงพอต่อการขนส่งมนุษย์ไปเที่ยวบนดวงจันทร์ หรือกระทั่งไปอยู่อาศัยบนดาวอังคาร
เพราะมันจะต้องใช้ขนคน 100 คน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่รวมกว่า 150 ตัน ไปในการเดินทางแต่ละครั้ง
Elon ได้ออกแบบ และระบุว่าจรวดที่เหมาะสมจะต้องมีขนาดถึง 110 เมตร หรือยาวพอๆ กับสนามฟุตบอล 1 สนาม
ซึ่งในคราวนี้ เขาตั้งชื่อมันว่า Starship หรือแปลตรงๆ ก็คือ ยานเดินทางระหว่างดวงดาว
Starship ทำงานอย่างไร!?
Starship ขนาด 110 เมตร จะแบ่งออกเป็นส่วนบรรทุกคน ส่วนบรรทุกของในส่วนหัว Starship
และส่วนขับเคลื่อนตอนท้ายลำในชื่อ Hopper
จรวดจะถูกส่งขึ้นไปยังวงโคจรของโลก จากนั้นส่วน Hopper ซึ่งใช้ขับเคลื่อน ก็จะใช้เชื้อเพลิงจนหมด แล้วสลัดออกจากส่วนหัว
จากนั้นส่วนท้ายหรือ Hopper อันที่สอง ที่ถูกส่งตามมาทีหลัง (ส่วนนี้จะยังคงมีเชื้อเพลิง เพราะมันขึ้นมาแต่เฉพาะตัวมันเอง ไม่ได้ส่งยานทั้งลำขึ้นมา)
ส่วนนี้จะเข้ามาเชื่อมต่อกับส่วนหัวเดิม เพื่อขับเคลื่อนยานไปต่อยังจุดหมายปลายทาง
ส่วนท้ายที่หลุดออกมาตอนแรก จะกลับลงมาจอดยังโลก เพื่อนำไปเติมเชื้อเพลิง ให้สามารถกลับมาใช้ส่งจรวดขึ้นไปยังวงโคจรได้ต่อไป
คลิปการทำงานของ Starship
Starship will be the most powerful rocket in history, capable of carrying humans to the Moon, Mars, and beyond pic.twitter.com/LloN8AQdei
— SpaceX (@SpaceX) September 29, 2019
Elon ระบุว่า หากคิดคำนวณตามโลกในอุดมคติของเขาแล้ว
บริษัทจะสามารถปล่อย Starship ได้ถึงวันละ 3 ครั้ง หรือปีละประมาณ 1,000 ครั้ง
หากขนส่งได้เที่ยวละ 150 ตันจริงๆ จรวดดังกล่าวจะสามารถขนส่งสินค้าขึ้นไปยังอวกาศได้รวมถึงปีละ 150,000 ตัน
และนั่นคือตัวเลขที่ดูเวอร์มาก เพราะทุกวันนี้ จรวดอื่นๆ รวมกันทั่วโลกสามารถขนส่งสินค้าหรืออุปกรณ์ขึ้นไปยังอวกาศ ได้แค่ปีละ 300 ตัน
น้อยกว่ากันถึง 500 เท่า!!
หากจรวดลำดังกล่าวพัฒนาเสร็จจริง ย่อมส่งผลบวกต่อธุรกิจขนส่งสินค้าของบริษัท SpaceX เอง ซึ่งก็รับงานดังกล่าวอยู่แล้วในปัจจุบัน
แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวดวงจันทร์
ตอนนี้หลายบริษัทกำลังแข่งกันทั้งบริษัทของ Elon, ทั้ง Blue Origin (ของ Amazon) หรือ Virgin สายการบินยักษ์ใหญ่
และทั้ง 3 บริษัทต่างก็ประกาศขายตั๋วกันแล้วในราคา 7-10 ล้านบาทต่อเที่ยว
ซึ่งต้องมาติดตามกันว่า บริษัทใหญ่ไหนจะสามารถทำเป้าหมายนี้ให้เป็นจริงได้ก่อนกัน
แต่เป้าหมายของด็กชายมัสก์ คือการไปสร้างโลกใหม่บนดาวอังคาร…
ว่ากันว่าความฝันอันสูงสุดของ Elon Musk คือการได้พามนุษย์ไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร และใช้ชีวิตอยู่บนนั้นให้สำเร็จให้ได้
หากเราลองคิดดูดีๆ แต่ละธุรกิจหรือไอเดียที่เขาคิดนั้น ก็ส่งเสริมไปในทางนั้นทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโซลาร์เซลล์ ผลิตไฟฟ้าได้ขอเพียงแค่มีแสงอาทิตย์เท่านั้น
จากนั้นนำไฟฟ้ามาขับเคลื่อนให้กับรถยนต์ และจ่ายให้กับอาณานิคม
ระบบการเดินทางผ่านท่อสุญญากาศไฮเปอร์ลูป แทนที่ขนส่งมวลชนอย่างรถไฟที่อาจจะไม่เวิร์กบนดาวอังคาร
มาจนถึงจรวดที่สามารถใช้งานซ้ำ ขนส่งคนไปกลับระหว่างโลก-ดาวอังคารได้ตลอด
หลายคนอาจจะมองว่าความคิดของเขานั้นหลุดโลกเกินไป จนแทบไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่ก็มีบางคนที่เปรียบเทียบว่าเขาคือ Tony Stark หรือ Iron Man บนโลกแห่งความเป็นจริง
ดูเหมือนว่าเขาเองก็รู้ตัวว่าถูกเรียกแบบนั้น และดูท่าว่าเขาชื่นชอบมันเสียด้วย
การตั้งชื่อจรวดต้นแบบว่า Starship Mark 1 เช่นเดียวกับชุดเกราะต้นแบบ Mark 1
อาจจะเป็นการสื่อสารไปยังคนทั้งโลกก็ได้ ว่าเขามีความเก่งและบ้าไม่ต่างจาก Tony Stark และพร้อมจะเป็น Iron Man บนโลกนี้จริงๆ ด้วย…
"เราอาจจะได้เห็นการส่งมนุษย์ไปในปีหน้าเลยก็ได้…"นี่คือคำพูดที่ Elon Musk…
โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2019
ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit
– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!
ที่มา:
https://www.businessinsider.com/elon-musk-starship-mars-rocket-update-mars-colonization-texas-2019-9
https://www.businessinsider.com/elon-musk-starship-presentation-youtube-livestream-video-texas-2019-9
https://www.wired.com/story/elon-musk-just-unveiled-starship-spacexs-human-carrying-rocket/
https://twitter.com/elonmusk/status/1148023767865540608
Advertisement
