Facebook
Twitter
LINE

ยอดขาย iPhone กำลังลดลง แต่รายได้และราคาหุ้นของ Apple กำลังเพิ่มขึ้น

เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ!?

 

ย้อนกลับไปในปี 2015 ซึ่ง Apple มีรายได้ประมาณ 7.4 ล้านล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น…

– iPhone ประมาณ 4.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 66%

– Mac ประมาณ 800,000 ล้านบาท สัดส่วน 11%

– iPad ประมาณ 730,000 ล้านบาท สัดส่วน 10%

– Services เช่น App Store, iTunes ประมาณ 630,000 ล้านบาท สัดส่วน 9%

 

ที่ต้องยกมาเพราะว่า ในปี 2015 นั้น เป็นปีที่ Apple สร้างสถิติยอดขาย iPhone ได้มากที่สุดถึง 231 ล้านเครื่อง หลังจากนั้นก็ยังไม่เคยขึ้นไปถึงยอดนั้นอีกเลย

ในปี 2016 ขาย iPhone ได้ประมาณ 211 ล้านเครื่อง

ในปี 2017 ขาย iPhone ได้ประมาณ 216 ล้านเครื่อง

ในปี 2018 ขาย iPhone ได้ประมาณ 217 ล้านเครื่อง

 

จนกระทั่งมาถึงปี 2019 นั้น Apple มีรายได้ประมาณ 8.2 ล้านล้านบาท แต่มีสัดส่วนรายได้เปลี่ยนไปดังนี้..

– iPhone ประมาณ 4.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 54%

– Mac ประมาณ 820,000 ล้านบาท สัดส่วน 10%

– iPad ประมาณ 670,000 ล้านบาท สัดส่วน 8%

– Services ประมาณ 1.46 ล้านล้านบาท สัดส่วน 18%

 

สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดเจนก็คือ ถึงยอดขาย iPhone จะตกลงไป แต่รายได้รวมของบริษัทก็ยังคงเพิ่มขึ้น

ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณรายได้ของ Services ต่างๆ ซึ่งขยับขึ้นมาเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 2 เท่า คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 23% ต่อปี!!

 

ซึ่ง Services ต่างๆ ก็ได้แก่สารพัดบริการที่เราใช้กัน

ไม่ว่าจะเป็น App Store และ iTunes สองพระเอกหลัก ตามมาด้วยพระรองอย่าง Apple Music, iCloud, Apple News+ เป็นต้น

 

ยกตัวอย่างเช่น..

ทุกครั้งที่เราใช้จ่ายผ่าน App Store เงินจะไปเข้าผู้พัฒนาแอป 70% แล้วก็เข้า Apple 30% เหมือนเสือนอนกินที่คอยเก็บค่าผ่านทาง

หรือ Apple Music เอง ก็มียอดสมาชิกรายเดือนมากเกือบ 70 ล้านรายแล้ว

 

บวกกับการประเมินว่า ในปัจจุบัน มียอดการใช้งานอุปกรณ์ของ Apple มากกว่า 1,400 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งแต่ละเครื่องก็จะต้องใช้บริการ Services ต่างๆ ร่วมด้วย

ถึงคนจะหันมาซื้อ iPhone รุ่นใหม่ๆ น้อยลงสักนิด แต่หากพวกเขายังคงใช้อุปกรณ์ของ Apple อยู่ ก็จะทำให้บริการต่างๆ ยังคงขายได้อยู่นั่นเอง

 

และถ้ารายได้ของ Services ยังคงเติบโตด้วยอัตรานี้ต่อไป ในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า

จากตัวเลข 1.46 ล้านล้านบาท จะกลายเป็น 4.11 ล้านล้านบาท ซึ่งนั่นคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของรายได้ปีล่าสุดอีกด้วย

แถมบริการ Services ต่างๆ ล้วนแต่เป็นบริการที่ต้นทุนต่ำกว่าการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย

นักลงทุนจึงคาดการณ์ว่า Apple น่าจะมีรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

 

นั่นทำให้แม้ยอดขาย iPhone จะมีแนวโน้มลดลงมาตั้งแต่ปี 2016

แต่ราคาหุ้นของ Apple ก็ยังพุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ จากหุ้นละประมาณ 105 ดอลลาร์ มาเป็นประมาณ 317 ดอลลาร์ในปัจจุบัน

โดยเป็นการซื้อขายกันที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ประมาณ 25 เท่า

 

แล้วหลังจากนี้..

Apple จะสามารถรักษารายได้ให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความคาดหวังของนักลงทุนได้หรือไม่

แล้วยอดขาย iPhone ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เพิ่มขึ้น!? ชะลอตัวลง!? หรือตกลงอย่างน่าใจหาย!?

บริการต่างๆ จะสามารถสร้างได้ได้อย่างมหาศาล มาชดเชยยอดขายที่หายไปได้หรือไม่

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องน่าสนใจให้เราได้ติดตามว่า บริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกอย่าง Apple จะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต..

คุณคิดอย่างไรกันบ้างครับ!?

 

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา

www.macrotrends.net/stocks/charts/AAPL/apple/revenue

workpointnews.com/2020/05/31/apple-new-revenue-after-iphone/

www.statista.com/chart/13710/apple-revenue-by-product-group/

kommandotech.com/statistics/how-many-iphones-have-been-sold-worldwide/

investor.apple.com/investor-relations/default.aspx

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...