เกิดอะไรขึ้น?? เมื่อ Alibaba ยกเลิกแผนจ้างงาน 1 ล้านตำแหน่งในอเมริกา
ท่ามกลางความตึงเครียด เรื่องกำแพงภาษีสินค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน
สื่อต่างชาติรายงานว่า “แจ็ค หม่า” ประธาน Alibaba บริษัทระดับท็อป 3 ของแดนมังกร
ได้ยกเลิกแผนการสร้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง ตามที่เขาได้สัญญากับโดนัลทรัมป์เอาไว้
เพจแนวคิดพันล้านสรุปเนื้อหาและไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ มาให้ได้ลองอ่านกันครับ…
– ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2017 แจ็ค หม่า ได้เข้าพบกับโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
– การพบปะดังกล่าว เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพทั้ง Alibaba กับอเมริกา และอเมริกากับจีนเองเช่นกัน
– และ แจ็ค หม่า ให้สัญญาว่า Alibaba จะมีแผนการลงทุนในสหรัฐอเมริกา รวมถึงการจ้างงานกว่า 1,000,000 ตำแหน่งอีกด้วย
ผ่านไป 1 ปีกว่าๆ…
– มาตรการ “กำแพงภาษี” ถูกโดนัลด์ ทรัมป์ นำมาใช้เพื่อลดความเสียเปรียบของสหรัฐอเมริกาในตลาดการค้าระหว่างประเทศ
– โดยล่าสุด ทรัมป์ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่ม 10% ซึ่งสร้างผลกระทบกับสินค้าส่งออกของจีนมูลค่า 6 ล้านล้านบาท ในวันที่ 24 กันยายนนี้
– แถมในต้นปีหน้า ยังมีแผนเพิ่มกำแพงภาษีเป็น 25% ซึ่งแน่นอนว่าจะยิ่งส่งผลกระทบต่อจีนหนักกว่าเดิม
– ภาษีที่สูงขึ้น นั่นจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างสินค้าแพงขึ้น หรือไม่ก็ผู้ขายได้กำไรลดลง
– ในฐานะที่ Alibaba เป็นธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ ย่อมได้รับผลกระทบในทางอ้อมไปในทันที
ล่าสุด แจ็ค หม่า จึงประกาศยกเลิกแผนการลงทุนจ้างงาน ที่เขาเคยให้สัญญาเอาไว้
“คำสัญญามีขึ้นบนมิตรภาพอันดีของสหรัฐอเมริกาและจีน บนความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีเหตุผล
ในเมื่อความสัมพันธ์นั้นไม่มีอยู่แล้ว คำสัญญาดังกล่าวก็ไม่อาจจะเป็นจริงได้”
คำพูดสองประโยคนี้อาจจะสั่นสะเทือนสหรัฐอเมริกา
และอาจทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องกลับมาทบทวนนโยบายของตัวเองอีกรอบหรือไม่??
เราลองมาคำนวณเล่นๆ หาก Alibaba จ้างงานในสหรัฐอเมริกาจริงๆ 1 ล้านตำแหน่ง
รายได้ขั้นต่ำของสหรัฐอเมริกา เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณชั่วโมงละ 250 บาท
(สมมติว่าเป็นแรงงานเงินน้อยทั้ง 1 ล้านตำแหน่งเลยแล้วกัน)
1 วันทำงาน 8 ชั่วโมง = 2,000 บาทต่อคน
1 สัปดาห์ ทำงาน 40 ชั่วโมง = 10,000 บาทต่อคน
1 ปี ทำงานประมาณ 52 สัปดาห์ = 520,000 บาทต่อกัน
การจ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง จึงจะก่อให้เกิดรายได้ขั้นต่ำราว 520,000 ล้านบาทต่อปี!!
เทียบกับเงินภาษี 10% ที่สหรัฐอเมริกาจะได้จากสินค้าส่งออกจีน 6 ล้านล้านบาท
เท่ากับประมาณ 600,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่พอฟัดพอเหวี่ยงกันแน่นอน
นี่คือการโต้ตอบของทางจีนใช่หรือไม่??
ก่อนหน้านี้ เราจะเห็นข่าวการประกาศลงทุนร่วมกันของจีนและรัสเซีย มูลค่า 3 ล้านล้านบาท
หลังจากที่สหรัฐอเมริกาประกาศเรื่องกำแพงภาษีรอบล่าสุด
เราก็คงเดาได้ไม่ยากว่า นี่คือการจับมือของ 2 ชาติใหญ่ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ในเชิงโต้ตอบกับทางสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ทางจีนเองก็ออกมาตรการกำแพงภาษีสวนกลับสหรัฐด้วย
โดยการตั้งกำแพงภาษี 5-10% ในสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐ 1.9 ล้านล้านบาท
(ซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่าสินค้าที่จีนส่งออกไปและโดนกำแพงภาษีประมาณ 3 เท่า)
จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่า “แจ็ค หม่า” กำลังแสดงการโต้ตอบแทนรัฐบาลจีน?? แทนคนจีน?? หรือให้ความร่วมมือกับรัฐบาลจีนอยู่หรือไม่?
หรือทั้งหมดนี้ทำไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทล้วนๆ??
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุและมีผลของมัน สหรัฐอเมริกาก็ทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
จีนก็ต้องหาทางรักษาผลประโยชน์ของชาติเอาไว้
ขณะที่ Alibaba เองก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้
นี่จึงเป็นเกมของบริษัทใหญ่ระดับโลก ในชาติใหญ่ระดับโลก ท้าชนกับอีกชาติที่ยิ่งใหญ่ไปอีกเช่นกัน
ในฐานะที่ประเทศไทยเราก็เป็นประเทศที่เล็กมาก เมื่อเทียบกับจีนหรือสหรัฐอเมริกา
ไทยควรจะวางตัวอย่างไร ให้สามารถรักษาสมดุล และยังได้รับผลประโยชน์จากทั้ง 2 ขั้วมหาอำนาจอย่างเต็มที่ที่สุด
คงเป็นเรื่องให้ผู้บริหารประเทศต้องขบคิดกันอย่างหนักทีเดียว….
ที่มา:
www.barrons.com/articles/can-alibaba-really-create-1-million-u-s-jobs-1497902956
www.xinhuanet.com/2018-09/19/c_1123456015.htm
www.cnbc.com/2018/09/19/jack-ma-alibaba-is-no-longer-planning-to-create-1-million-us-jobs.html
www.bangkokbiznews.com/news/detail/813529
Advertisement