Facebook
Twitter
LINE

ปัญหาและอุปสรรค อาจจะนำมาซึ่งไอเดียที่ยิ่งใหญ่…

 

 

ในปี 1965 คุณ John Adrian Shepherd-Barron วิศวกรชาวอังกฤษ ไปถอนเงินที่ธนาคาร

ยุคนั้นธนาคารจะปิดตอนเวลาบ่าย 3 โมงครึ่ง และเขาไปช้าเพียง 1 นาทีเท่านั้น

แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำงานตามเวลา หมดเวลาก็เลิกงาน ถึงเขาจะอ้อนวอนก็ไม่เป็นผล

John รู้สึกเจ็บใจมาก จนทำให้เขาครุ่นคิดว่าทำยังไงถึงจะถอนเงินได้ตลอดเวลา

(แม้กระทั่งตอนที่ธนาคารปิดทำการ)

ระหว่างอาบน้ำ เขานึกถึงตู้กดช็อคโกแลต ที่มีวางอยู่ทั่วไป และทำให้เขาปิ๊งไอเดียว่า

“ก็แค่เปลี่ยนช็อคโกแลตมาเป็นเงิน เท่านั้นเอง!!”

 

เนื่องจากเป็นวิศวกรอยู่แล้ว เขาจึงลงมือสร้างเครื่องขึ้นมาด้วยตัวเอง

หลังจากใช้เวลาพัฒนานับปี เขาก็นำไปเสนอต่อผู้บริหารของธนาคาร Barclays ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ของอังกฤษ

ธนาคารเห็นดีเห็นงามด้วย เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เจ๋งมากในยุคนั้น

ทำให้ ATM เครื่องแรกถูกติดตั้งที่สาขาของธนาคารดังกล่าว ในกรุงลอนดอน เมื่อปี 1967

 

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นบัตรพลาสติกใช้สะดวกแบบยุคนี้…

ในสมัยแรกนั้น การจะถอนเงินจากตู้ ATM ลูกค้าจะต้องมีวอยเชอร์ที่ออกให้โดยธนาคาร

วอยเชอร์แต่ละใบ จะมีมูลค่า 10 ปอนด์ มีอายุการใช้งาน 6 เดือน

เพื่อป้องกันการปลอมแปลง มันก็ต้องพิเศษกว่าวอยเชอร์ทั่วๆ ไปสินะ

บัตรตอนนั้นจึงเป็นกระดาษฉาบด้วย “carbon-14” ซึ่งเป็นสารกัมมันตภาพรังสีเบาบาง

เมื่อลูกค้าจะใบเบิกเงิน เครื่องจะทำการตรวจสอบว่ามีสารดังกล่าวหรือไม่

พร้อมกับต้องกดรหัส 6 ตัว ซึ่งรู้กันเฉพาะเจ้าของบัญชี และผู้จัดการธนาคารเท่านั้น

ถ้าทั้งสารกัมมันตภาพรังสี และรหัส 6 ตัวนั้นได้รับการยืนยัน

เครื่องก็จะจ่ายเงินเป็นธนบัตร 1 ปอนด์ จำนวน 10 ใบ

ส่วนใครต้องการกดเงินมากกว่านั้น ก็ต้องทำซ้ำอีกครั้งนั่นเอง

 

หลังจากนั้นเครื่อง ATM กลายเป็นกระแสไปทั่วอังกฤษ

เพียง 2 ปีก็มีเพิ่มเป็น 600 เครื่อง

แล้วก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เจ๋งกว่าเดิมไปอีก

จนกระทั่งในปี 1972 ธนาคาร Lloyds ได้ติดตั้งเครื่องกดเงินแบบสมัยใหม่ที่ใช้บัตรพลาสติก

บนบัตรนั้นจะมี “แถบแม่เหล็ก” ติดอยู่

ซึ่งเจ้าตู้ ATM ก็จะมีหน้าที่แปลงแถบแม่เหล็กเป็นข้อมูล เช่น เจ้าของบัตร เงินในบัญชี วันหมดอายุ เป็นต้น

จากเดิมที่ทำได้เพียงแค่กดเงินเฉยๆ ยุคนี้ก็เริ่มใช้ตรวจสอบยอดเงิน และโอนเงินได้ด้วย

ทำให้บัตรแถบแม่เหล็ก กลายเป็นมาตรฐานของบัตรกดเงินในยุคต่อมา

จนกระทั่งพัฒนามาเป็นบัตร “ชิปการ์ด” ในยุคนี้

และตู้ ATM เองก็สามารถใช้ทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ได้ครบวงจร

 

ตู้ ATM แรกในไทย??

ในปี 1983 (พ.ศ.2526) ธนาคารไทยพาณิชย์ เริ่มนำตู้ ATM มาติดตั้งในไทยเป็นครั้งแรก

ตอนนั้นใช้ชื่อว่า “บริการเงินด่วน” ซึ่งสามารถถอนเงิน โอนเงิน และถามยอดบัญชีได้

ต่อมา ธนาคารอื่นๆ จึงเริ่มนำตู้กดเงินสดมาเปิดให้บริการตามกันไป

 

จากตู้แรกในปี 1967

เพิ่มขึ้นเป็น 700 กว่าตู้ทั่วโลกในปี  1969

ปัจจุบัน คาดว่ามีตู้ ATM อยู่มากกว่า 3,000,000 เครื่องทั่วโลก

 

คำทำนายของ John Adrian Shepherd-Barron

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ให้กำเนิด “ตู้กดเงินสด” จนกลายเป็นของที่ใช้งานทั่วโลก

แต่ตัวเขาเองกลับคิดว่า ยุคต่อไป “เงินสด” อาจจะหมดความสำคัญ

จากคำให้สัมภาษณ์ในปี 2007 เขาระบุว่าภายใน 3-5 ปี เงินสดและตู้ ATM อาจจะไม่มีคนใช้อีกแล้ว

แต่เขาก็เสียชีวิตไปในปี 2010 ซึ่งยังเป็นยุคที่ ATM ยังได้รับความนิยมอยู่

 

ผ่านไป 8 ปี หลังจากเขาเสียชีวิต

แม้จะยังมีการใช้เงินสดอย่างแพร่หลาย ในหลายประเทศทั่วโลกยุคปัจจุบัน

แต่ก็เริ่มมีบางประเทศ จ่ายเงินผ่านช่องทางบัตรเครดิต หรือแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนแทน

อย่างเช่นในจีน คุณสามารถพกสมาร์ทโฟนไปตลาดสด ซื้อทุกสิ่งที่ต้องการ รวมถึงการให้เงินขอทานในตลาด ก็ทำได้ผ่านแอพเช่นกัน

ความต้องการใช้ “เงิดสด” ที่น้อยลงนี้ ทำให้ความสำคัญของ ATM นั้นลดลงไปด้วย

 

กระทั่งในประเทศไทย ที่ไม่ได้เป็นสังคมไร้เงินสดโดยสมบูรณ์…

แต่ธนาคารหลายแห่งก็เริ่มปรับตัว

เช่น ปรับลดจำนวนตู้ ATM ซึ่งปัจจุบันมีรวมกันประมาณ 70,000 ตู้ทั่วประเทศ

ก่อให้เกิดแนวคิด White Label ATM หรือ “ตู้เอทีเอ็มสีขาว” ที่ทุกธนาคารใช้ตู้ร่วมกัน เพื่อช่วยในการลดต้นทุนอีกทางหนึ่ง

 

จะเห็นได้ว่าเมื่อ “โลกออนไลน์” เข้ามา เทคโนโลยีใหม่ๆ มีส่วนทำให้หลายธุรกิจถึงเวลาต้องปรับตัว

ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจนั้นมานานเพียงใด ทำผลงานมาเจ๋งมากแค่ไหนในอดีตมันก็ไม่สำคัญ

ถ้าเราไม่ปรับตัวตามโลกในอนาคต เราก็จะกลายเป็นคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ในอดีตเสียเอง

แม้กระทั่งตู้ ATM ที่ให้บริการลูกค้ามานานเกือบ 50 ปีก็ถึงเวลาต้องปรับตัวเช่นกัน….

 

 

 

ที่มา:

www.guinnessworldrecords.com/news/60at60/2015/8/1967-first-cash-dispenser-392981

en.wikipedia.org/wiki/Automated_teller_machine

www.telegraph.co.uk/personal-banking/current-accounts/story-behind-worlds-first-cashpoint/

www.trueplookpanya.com/learning/detail/25005/037050

www.matichon.co.th/columnists/news_1065126

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...