Facebook
Twitter
LINE

จากมือถือแห่งอนาคต Windows Phone กลายมาเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ Microsoft

ไม่เพียงแต่มันจะไม่ได้รับความนิยม อย่างที่ iOS หรือ Android ทำได้แล้ว

มันยังทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการไอทีนี้ ต้องเสียเงินอีกนับแสนล้านบาท

และบทความนี้ จะพาคุณย้อนไปติดตามว่า อะไรกันที่ทำให้ Windows Phone กลายเป็นผลงานที่ล้มเหลว..!?

 

จุดกำเนิดของสงครามสมาร์ทโฟน

ว่ากันว่าสงครามสมาร์ทโฟนยุคใหม่ เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2007 หลังจากที่ Steve Jobs เปิดตัว iPhone

เพราะในตอนนั้นผลงานของเขา เรียกได้ว่าเปลี่ยนโลกโทรศัพท์มือถือไปเป็นอีกยุคหนึ่ง

iPhone ทำให้การใช้งานหน้าจอสัมผัส ใช้งานได้ง่ายกว่าปุ่มกด จนค่ายคู่แข่งในยุคนั้นต้องปรับตัวตามในทันที

คู่แข่งที่ปรับตัวเร็วหน่อยอย่าง Google ก็สามารถออก Android มาได้ทันทีในปี 2008 (เพราะที่จริง Google ซื้อ Android มาตั้งแต่ปี 2005 แล้ว)

หรือ Samsung ที่หันไปใช้งาน Android ก็สามารถออก Samsung Galaxy ได้ในปี 2009

ซึ่งเราทราบกันดีกว่า ค่ายเกาหลีนี้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในเจ้าแห่งสมาร์ทโฟน ยืนหยัดคู่กับ Apple และสารพัดค่ายจีนในปัจจุบัน

แต่ค่ายที่ปรับตัวช้าล่ะ!?

ผู้ปรับตัวช้า ก็จะกลายเป็นเหมือนกับ Nokia เจ้าแห่งโทรศัพท์มือถือในยุคก่อน รวมไปถึง Microsoft ที่ดันมามีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย..

 

การเปิดตัว iPhone ในปี 2007

 

เพราะความประมาทต่อ iPhone งั้นหรือ!?

เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ Microsoft ปรับตัวช้า นักวิเคราะห์เชื่อกันว่าเพราะความประมาทในตัว iPhone พอสมควร

มีการยกบทสัมภาษณ์ของ Steve Ballmer ซึ่งเป็นซีอีโอของ Microsoft ในช่วงเวลานั้น

เขาประกาศอย่างมั่นใจว่า Microsoft ไม่ได้ให้ความสนใจ หรือคิดจะออกสินค้ามาสู้กับโทรศัพท์ตัวใหม่ของ Apple มากนัก

เพราะในมุมมองของเขา iPhone ไม่เพียงแต่จะเป็นโทรศัพท์ที่แพงมากๆ เท่านั้น

แต่มันยังไม่มีคีย์บอร์ดให้ใช้งาน ทั้งส่งอีเมล์ หรือข้อความสำคัญ จึงไม่น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับลูกค้านักธุรกิจได้

ที่สำคัญ Apple ในเวลานั้นก็ไม่มีประสบการณ์การขายโทรศัพท์มือถือมาก่อนเลยด้วย

ดังนั้นในมุมมองของ Microsoft บริษัทไอทีที่มีมูลค่ามากสุดในสหรัฐฯ ตอนนั้น ประเมินว่าไม่นาน iPhone ก็น่าจะเงียบหายไปเอง

 

แต่.. อย่างที่เราทราบกันดีว่ามุมมองของ Microsoft ในปี 2007 นั้นเป็นเรื่องที่ผิดพลาด

และกว่าจะรู้ตัวว่ามองผิดไป พวกเขาก็เริ่มถูกทิ้งห่างในการแข่งขันนี้แล้ว

 

Steve Ballmer ซีอีโอในตอนนั้น ภายหลังยอมรับว่าตนเองประเมินผิดพลาดไป

 

ถึงจะมาช้า ก็ดีกว่าไม่มา.. รึเปล่า!?

ผ่านไปไม่ถึงปี Microsoft เริ่มรู้ในความผิดพลาดของตัวเอง

เพราะฉะนั้น ในปี 2008 พวกเขาจึงเริ่มโปรเจคต์ออกแบบโทรศัพท์มือถือแบบจอสัมผัสของค่ายตัวเอง

แต่มันก็ต้องใช้เวลาราว 2 ปี กว่าโทรศัพท์ที่พัฒนาจะออกมาวางขายได้ในปี 2010

ซึ่งในเวลานั้น สมาร์ทโฟนที่ใช้ทั้งระบบ iOS และ Android ก็มีวางขายอยู่เต็มตลาดแล้ว

 

แถมด้วยปัญหาด้านการผลิตที่ค่อนข้างผูกขาด และเงื่อนไขมากมาย เป็นสิ่งที่พวกเขาก้าวเดินผิดพลาด..

อย่างที่รู้กันว่า Apple คือบริษัทเดียวที่ผลิต iPhone และ iOS ให้ลูกค้าใช้งาน

ส่วน Android นั้น ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

ส่วน Windows Phone เนื่องจาก Microsoft อยากจะให้มันใช้งานได้แพร่หลายด้วย จึงใช้การตลาดในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับ Android

แต่.. แต่… แต่!!

ด้วยความที่อยากให้โทรศัพท์มีมาตรฐาน Microsoft จึงตั้งเงื่อนไขให้กับบริษัทผลิต Windows Phone ไว้มากมาย

ซึ่งถ้ามองในมุมของผู้ผลิตมือถือมาวางขายแล้ว วิธีที่ง่ายกว่าคือการไปใช้งาน Android ที่สามารถสร้างมือถือแบบไหนขึ้นมาขายก็ได้

แทนที่จะมาทำตามเงื่อนไขของ Microsoft แล้วยังต้องเสี่ยงกับการขายไม่ออกอีก

 

เกิดพันธมิตร Microsoft และ Nokia

เมื่อค่ายอื่นไม่อยากทำมือถือ Windows Phone ก็ไม่เป็นไร

เพราะในปี 2010 บริษัท Nokia ได้อดีตผู้บริหารของ Microsoft ไปนั่งตำแหน่งซีอีโอ ทั้งสองบริษัทจึงมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น

จึงทำให้ Nokia ยอมทิ้งระบบปฏิบัติการ Symbian ที่แสนภูมิใจ และหันมาใช้งาน Windows Phone แบบเต็มตัว

พวกเขาสามารถออกมือถือ Windows Phone ได้ในเวลาแค่ 1 ปี ด้วยเงิน 30,000 ล้านบาท ที่ Microsoft ยอมช่วยลงทุนให้

ซึ่งมันอาจจะเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ ในด้านการกระตุ้นให้ผู้ผลิตหันมาใช้ Windows Phone

แถมยังได้ออกมือถือมาในแบรนด์ของ Nokia ค่ายในตำนานที่เคยเป็นเจ้าตลาดโทรศัพท์มือถืออีกด้วย

 

ประเด็นสำคัญก็คือ.. การให้เงินช่วยเหลือกับ Nokia จนมากเกินไป ทำให้อีกหลายค่ายแสดงความไม่พอใจในจุดนี้

เพราะพวกเขาต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ระบบปฏิบัติการให้ Microsoft ในขณะที่ Nokia แทบจะได้พัฒนามือถือฟรีๆ

นั่นทำให้แม้ได้ Nokia เป็นพันธมิตร แต่ค่ายอื่นๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะพัฒนามือถือ Windows Phone ขึ้นมาสักเท่าไร

 

Nokia Lumia 800

 

ยื้อ… ฉันยื้อไม่ให้เธอจากไป

ปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ แม้จะออกมือถือ Nokia Lumia 800 มาในปี 2011 แต่นั่นก็แทบไม่ช่วยอะไรเลย

ต่างจาก iOS และ Android ที่มีแอปพลิเคชั่นให้ลูกค้าใช้งานกันแทบไม่หมด

แต่ Windows Phone นั้นคนที่ซื้อมาก็จะมีแอปสำคัญๆ ของ Microsoft แต่การจะหาความบันเทิงเพิ่มเติมจากแอปอื่นๆ นั้น แทบไม่มีเลย

 

ในปี 2012

Windows Phone มีส่วนแบ่งในตลาดแค่ 2% และ Nokia ขาดทุนถึง 44,000 ล้านบาท ไปกับ Windows Phone

 

ในปี 2014

Microsoft เข้าซื้อแผนกโทรศัพท์มือถือของ Nokia ด้วยเงินกว่า 230,000 ล้านบาท เพื่อหวังจะนำมาพัฒนามือถือเอง และยืดอายุให้กับ Windows Phone

 

แต่ในปี 2015 พวกเขากลับตัดสินใจว่าการซื้อ Nokia เป็นเรื่องที่ผิดพลาด

จนต้องปลดพนักงานถึง 8,000 คน กลายเป็นค่าเสียหายที่เพิ่มขึ้นไปอีก 240,000 ล้านบาท

Microsoft ยังคงฝืนพัฒนาระบบปฏิบัติการนี้ต่อไปเรื่อยๆ

จนถึงเดือนตุลาคมปี 2017 ที่พวกเขาออกมายอมรับว่า Windows Phone นั้นไม่ประสบความสำเร็จ และจะยุติการพัฒนาอะไรใหม่ๆ อีกต่อไป

 

เพราะโลกนี้ไม่มีคำว่า.. ถ้า

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า Microsoft ไม่ประมาท แล้วสร้าง Windows Phone เร็วกว่าเดิมสัก 1 ปี!?

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า Windows Phone ไม่เรื่องมากเรื่องการผลิต และเปิดเสรีแบบ Google!?

หรือแม้แต่ถ้า Microsoft สนับสนุนผู้ผลิต Windows Phone และนักพัฒนาแอปทั้งหมดอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่เฉพาะ Nokia เท่านั้น??

ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า Microsoft อาจจะมีโทรศัพท์มือถือที่ดีมากๆ มีแอปใช้งานได้ครบครัน จนมีระบบปฏิบัติการครองตลาดแทนที่ Android

เหมือนกับที่ Windows นั้นครองตลาดคอมพิวเตอร์แทบทั้งหมดก็เป็นได้

 

“ในโลกของซอฟต์แวร์ มันเป็นตลาดแบบผู้ชนะจะได้ครอบครองทั้งหมด

ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดก็คือ การที่ Microsoft ไม่สามารถทำอย่างที่ Android ทำได้

Android กลายเป็นผู้ชนะและมาตรฐานของมือถือทุกเครื่องที่ไม่ใช่ Apple

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ Microsoft เองก็เคยเป็นผู้ชนะมาแล้ว (กับ Windows ในตลาดคอมพิวเตอร์)”

 

นี่คือคำพูดปิดท้ายของ Bill Gates เศรษฐีอันดับ 2 ของโลก ที่ให้สัมภาษณ์ว่าการเดินหมากที่ผิดนี้ คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดเช่นกัน…

 

จากมือถือแห่งอนาคต Windows Phone กลายมาเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ Microsoftไม่เพียงแต่มันจะไม่ได้รับความนิยม อย่างที่…

โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2020

 

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา

medium.com/bc-digest/why-windows-phone-failed-and-how-they-couldve-saved-it-35efc19861ee

www.thurrott.com/mobile/windows-phone/3149/this-is-how-much-windows-phone-costs-microsoft

www.cnet.com/news/nokia-reports-1-4b-loss-despite-strong-windows-phone-sales/

www.zdnet.com/article/here-are-the-real-reasons-windows-phone-failed-reveals-ex-nokia-engineer/

arstechnica.com/information-technology/2007/04/ballmer-says-iphone-has-no-chance-to-gain-significant-market-share/

https://www.statista.com/statistics/236034/global-smartphone-os-market-share-of-windows-mobile/

www.cnet.com/news/bill-gates-says-microsoft-losing-to-android-was-his-greatest-mistake/

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...