Facebook
Twitter
LINE

ในบรรดาอาหารที่ได้ชื่อว่าหรูและราคาแพง “คาเวียร์” หรือไข่ปลาคาเวียร์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งชื่อที่คุ้นหูเป็นลำดับแรกๆ

เพราะนี่คือไข่ปลาที่มีราคาสูงได้ตั้งแต่ 200,000-300,000 บาทต่อกิโลกรัม

ซึ่งสูงแบบไม่น่าเชื่อ สำหรับอาหารที่ดูเหมือนมีวิธีทำง่ายๆ อย่างการนำไข่ปลา ไปหมักเกลือเท่านั้น

ถึงจุดนี้ หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่า แล้วไข่ปลาชนิดนี้มันพิเศษกว่าปลาอื่นอย่างไร!? ทำไมราคามันจึงแพงนัก!?

เราจะพาคุณไปรู้จักกับอาหารชนิดนี้ ให้มากยิ่งขึ้นครับ…

 

 

รู้จักกับที่มาของคาเวียร์ ให้มากยิ่งขึ้น

คาเวียร์ นั้นไม่ได้หมายถึงไข่ของปลาคาเวียร์ แต่หมายถึงไข่ของปลาในตระกูลสเตอร์เจียน ซึ่งเจ้าปลาตระกูลนี้ มีมากถึง 27 ชนิด

สเตอร์เจียน คือตระกูลปลารูปร่างคล้ายฉลาม ที่สามารถอาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และทะเล

โดยคาเวียร์ที่แพงที่สุดในปัจจุบัน จะมาจากปลาเบลูกาสเตอร์เจียน (สเตอร์เจียนขาว) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นปลาสเตอร์เจียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

แต่ถ้าเราย้อนไปในช่วงศตวรรษที่ 19 ปลาชนิดนี้ยังถือว่ามีเกลื่อนมากในแหล่งน้ำธรรมชาติ ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียกลาง

และด้วยความที่มันวางไข่เป็นจำนวนมาก ไข่ของมันก็เป็นอาหารธรรมดาทั่วไป ถึงขนาดว่าสามารถเอาไปแจกฟรี หรือใช้เป็นอาหารหมูเลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงศตวรรษที่ 20

เมื่อการพัฒนาแหล่งที่อยู่อาศัย และระบบอุตสาหกรรมของมนุษย์กลับเริ่มส่งผลกระทบโดยตรงต่อปลาสเตอร์เจียน

ในขณะที่การปล่อยของเสียลงแหล่งน้ำของโรงงาน ก็เริ่มทำให้แหล่งน้ำจืดหลายแห่งเป็นพิษ

โดยเฉพาะการสร้างเขื่อน เริ่มทำให้ปลาเหล่านี้ไม่สามารถกลับไปวางไข่ได้

เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้จำนวนปลาสเตอร์เจียนลดลงอย่างรวดเร็ว (เช่นเดียวกับสัตว์อีกหลายชนิด)

เพราะต่อให้พวกมันจะวางไข่เป็นล้านฟองต่อครั้งก็ตาม ก็มักจะมีลูกปลาแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น ที่จะรอดชีวิตจนโตพอจะกลับมาวางไข่อีกครั้ง

 

 

 

ปัจจัยที่ทำให้คาเวียร์ราคาแพง

แน่นอนว่า เมื่อปลาสเตอร์เจียนเริ่มหายากขึ้น ไข่ของมันจึงค่อยๆ มีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย

และเมื่อสินค้าแพงขึ้น มันก็เป็นเรื่องแปลกที่มนุษย์มักจะมีความคิดว่า สิ่งเหล่านั้นคือของมีค่า ที่จะต้องหาโอกาสได้ครอบครองและสัมผัส

ไม่นานนัก ไข่ปลาสเตอร์เจียนที่เคยเป็นแค่อาหารหมู ก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาเป็นเป็นเจ้าแห่งอาหาร

มันได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ร้านอาหารราคาแพง พร้อมกับชื่อในภาษาเปอร์เซียที่เรียกว่า “คาเวียร์” ซึ่งที่จริงก็แปลว่า “ไข่ปลาปรุงรส” นั่นแหละ

แต่ถ้าจะเรียกมันว่าไข่ปลาปรุงรส คนก็อาจจะมองว่ามันเป็นแค่อาหารธรรมดานั่นเอง

และเมื่อมันมีราคาแพงมากยิ่งขึ้น ความต้องการคาเวียร์ในตลาดกลับไม่ได้ลดลงไปเลย

มันกลับยิ่งทำให้คนตัดสินใจออกล่าปลาสเตอร์เจียนมากขึ้นอีก

 

ราวกับปฏิกิริยาลูกโซ่ เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ปริมาณปลาสเตอร์เจียนก็ลดลงจนเกือบสูญพันธุ์

ดังนั้นในปี 2010 สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการเด็ดขาด

พวกเขานำปลาสเตอร์เจียน 18 สายพันธุ์ขึ้นบัญชีแดง เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ

มีคำสั่งห้ามการล่าปลาสายพันธุ์ดังกล่าวในธรรมชาติอย่างสมบูรณ์

นั่นก็ทำให้ ในปัจจุบันเราไม่สามารถล่าปลาสเตอร์เจียนในธรรมชาติได้อีกต่อไปแล้ว

และไข่ปลาคาเวียร์แทบทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นไปจะต้องมาจากบ่อเลี้ยงแทน

 

ในมุมมองขององค์กร นี่คือการอนุรักษ์สัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์ให้ยังคงอยู่ต่อไป

แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็ทำให้คาเวียร์ที่หายากอยู่แล้ว หายากขึ้นไปอีก จนราคาสูงเสียดฟ้าแบบในปัจจุบัน…

 

 

การเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียน

เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับเห็ดทรัฟเฟิล(ที่คุณได้อ่านไปวันก่อน) เมื่อคาเวียร์เริ่มมีราคาสูงมากขึ้น มนุษย์เราก็พยายามที่จะเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนกลับไม่ใช่อะไรที่ทำได้ง่ายขนาดนั้น

เพราะปลาสเตอร์เจียนสายพันธุ์เด่นๆ อย่าง ปลาสเตอร์เจียนขาว ก็มีความเรื่องมากพอสมควร

พื้นที่นั้นต้องมีน้ำอุณหภูมิน้ำไม่ร้อนมาก ราวๆ 13-15 องศาเซลเซียสทั้งปี

บางสายพันธุ์ก็ต้องทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็มไหลผ่านไปในแต่ละช่วงวัย

นอกจากนี้ ปลาสเตอร์เจียนตัวเมีย ยังจำเป็นต้องใช้เวลาเติบโตนานถึง 8-20 ปี กว่าที่จะวางไข่ได้

และแม้จะมีคนคอยควบคุมปัจจัยต่างๆ ทั้งหมด มันก็ไม่ได้การันตีว่าปลาสเตอร์เจียนตัวนั้น จะวางไข่ได้แน่ๆ

 

 

การเลี้ยงที่ยาก ใช้เวลานาน และความเสี่ยงที่จะไม่ได้ผลผลิตนี้เอง ที่ทำให้ฟาร์มปลาสเตอร์เจียนมาตรฐาน มีจำนวนไม่มากนัก

จากปี 2004 ไปจนถึงปี 2011 มีการเพิ่มขึ้นของฟาร์มปลาสเตอร์เจียนจาก 6 แห่งทั่วโลก เป็น 2,000 แห่งทั่วโลก

หลายฟาร์มนั้นก็ไม่ได้เพาะเลี้ยงในเชิงอุตสาหกรรมอาหาร แต่เลี้ยงเพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ปลาตระกูลนี้เอาไว้

 

ที่สำคัญ.. ฟาร์มที่ตั้งใจจะเลี้ยงเพื่อเอาไข่ปลาโดยเฉพาะ ก็ไม่สามารถการันตีผลผลิตมามากพอ ที่จะทำให้ไข่ปลากลายเป็นของที่มีราคาถูกลงได้เลย

ซึ่งนั่นก็แปลว่า จนกว่าเทคโนโลยีการเลี้ยงปลาจะก้าวกระโดด จนทำให้ปลาสเตอร์เจียนสามารถออกไข่ได้แน่นอน เหมือนการเลี้ยงไก่ หรือวัวนม

ไข่ปลาคาเวียร์ ก็จะยังคงเป็นอาหารหรูที่มีราคาแพง ไปอีกนานพอสมควรเลย..

 

 

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา

www.businessinsider.com/why-is-caviar-so-expensive-2018-2

caviarstar.com/blog/why-is-caviar-so-expensive-how-much-is-caviar-caviars-real-price/

caspianmonarque.com/why-is-caviar-so-expensive/

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...