“เราต่างก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องง่าย ที่เด็กในแคนาดาจะหาซื้อกัญชา..
และนั่นทำให้ผลกำไร ตกไปเป็นของเหล่าคนขายในตลาดมืด”
นี่คือคำพูดของนายกรัฐมนตรี Justin Trudeau ถึงสถานการณ์กัญชาในประเทศแคนาดา
ก่อนที่ช่วงกลางปี แคนาดาจะตัดสินใจลงมติให้กัญชาเป็นเรื่องถูกกฎหมาย
และสุดท้ายได้รับการลงนามอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา
นั่นทำให้คนสามารถสูบกัญชา เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจโดยไม่มีความผิด
แถมกฎหมายดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงเรื่องการปลูก จัดส่ง การซื้อขายทั้งในและต่างประเทศ
ที่สำคัญคือ “การจัดเก็บภาษีเข้ารัฐ” อีกด้วย
ที่จริงแล้ว Billionaire Mindset เขียนบทความนี้ไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา
แต่สำหรับโพสต์นี้จะเป็นการนำบทความกลับมาเขียนใหม่อีกรอบ พร้อมเพิ่มเติมข้อมูลอื่นๆ เข้าไป
เพราะประเทศแคนาดา เปิดเสรีกัญชาอย่างเป็นทางการในช่วงสัปดาห์นี้
ส่งผลให้เป็นประเทศอันดับ 2 ของโลกถัดจากอุรุกวัย ที่มีการเปิดเสรีทั่วประเทศ
(สหรัฐอเมริกามีการเปิดเสรีในหลายรัฐ แต่ก็ยังไม่ทั้งประเทศ เช่นเดียวกับเนเธอร์แลนด์ที่มีชื่อเสียงด้านกัญชาเช่นกัน)
หลังจากนั้น ร้านขายกัญชาที่ได้รับอนุญาตในรัฐต่างๆ ของประเทศ ก็นำมาวางขายกันทันที
ซึ่งผู้คนก็แห่กันไปซื้อ จนล่าสุดมีข่าวเพิ่มเติมว่าเกิดปัญหา “กัญชาขาดตลาด” ในบางพื้นที่ของประเทศแล้ว
โดยเฉพาะในรัฐออนแทริโอ ซึ่งเป็นรัฐขนาดใหญ่มีประชากรหนาแน่น
มูลค่าการซื้อขายกัญชาในช่วง “เห่อ” 3 วันแรกนี้ คิดเป็นมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาทเลยทีเดียว
กัญชากับคนแคนาดา…
ประเทศแคนาดามีประชากร 37 ล้านคน จากผลสำรวจพบว่ามี 4.9 ล้านคนที่ใช้กัญชาเกินกว่า 20 กรัมในปีล่าสุด
นั่นหมายถึงตัวเลข 13% ของคนทั้งประเทศ
รวมกันแล้วมีมูลค่ากัญชา 180,000 ล้านบาทหมุนเวียนในตลาดมืด ซึ่งกำไรทั้งหมดก็เป็นของผู้ค้า ไม่ตกมาถึงรัฐแต่อย่างใด
เรื่องนี้ชาวแคนาดาทั่วไปรู้ไหม.. ก็รู้ แม้อาจจะไม่รู้ตัวเลขทั้งหมด
คนเสพรู้ไหม.. รู้
หน่วยงานรัฐหรือไม่… รู้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
จนกระทั่งเกิดการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อจับเอาของสีดำๆ เทาๆ นี้ มาทำให้ถูกต้องซะ
ก่อนที่จะมีข่าวทำกัญชาให้ถูกกฎหมายมีหน่วยงานด้านสถิติ ลองไปสำรวจกลุ่มผู้สูบกัญชา
แล้วก็พบว่า 63% ยินดีที่จะซื้อในร้านที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง ดีกว่าไปเสี่ยงกับคนขายทั่วไป แม้จะราคาแพงกว่าก็ตาม
การซื้อกับคนขายผิดกฎหมาย อาจจะได้ราคากรัมละ 267 บาท
ขณะที่ซื้อในร้านที่ถูกต้อง พวกเขามองว่าราคากรัมละ 291 บาทนั้นสมเหตุสมผล ถ้าแพงกว่านี้ก็ต้องคิดดูอีกที
จึงมีการคาดหมายว่า ในช่วงแรกของการปรับให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย
ร้านที่ขึ้นทะเบียนจะสามารถทำยอดขายรวมกันได้ราว 140,000 ล้านบาท
นั่นทำให้รัฐบาลที่เก็บภาษีประมาณ 10% ได้เงินไปบำรุงประเทศราว 14,000 ล้านบาท
โดยประเมินว่าตัวเลขดังกล่าวจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ซึ่งภายในปี 2021 คนแคนาดาจะใช้กัญชาเพิ่มเป็น 734 ตัน
และสร้างรายได้เข้ารัฐ 20,000 ล้านบาทเลยทีเดียว!!
แม้การทำให้เป็นเรื่องถูกกฎหมายจะดูดีในเชิงตัวเลข ทั้งการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศ และภาษีที่จะเข้ารัฐ
แต่ก็มีความกังวลเรื่องของอาชญากรรม หรือด้านภาพลักษณ์ของประเทศ
ในจุดนี้ทางรัฐบาลก็ระบุเพิ่มเติมในกฎหมายเพื่อความรัดกุมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
การให้คนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปี พกพากัญชาได้ไม่เกิน 30 กรัม
หากฝ่าฝืนจะโดนโทษหนักถึงขั้นจำคุก 14 ปีกันเลยทีเดียว
อนุญาตการให้ปลูกภายในบ้านได้ครัวเรือนละไม่เกิน 4 ต้น (ยกเว้นรัฐควิเบกและรัฐมานิโทบา)
และทุ่มเงินกว่า 2,600 ล้าน เพื่อพัฒนาเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ให้พร้อมรับมือกับเรื่องนี้ได้ในทุกด้าน
ตัวเลขที่ยกมาดังกล่าวคือสิ่งที่เห็นได้เบื้องต้นเท่านั้น
นอกจากเงินซื้อขายกัญชาทั้งประเทศ 180,000 ล้านบาท
หรือภาษีที่เก็บได้ 14,000 ล้านบาท
ยังเกิดการจ้างงานต่างๆ ขึ้นในประเทศ ทั้งร้านขายกัญชา ร้านอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
กระทั่งฟาร์มกัญชาเองก็ด้วย
บริษัทที่ปลูกกัญชาอันดับหนึ่งของประเทศ Canopy Growth Corp มีมูลค่าถึง 320,000 ล้านบาท
มูลค่าพอๆ กันกับบริษัทใหญ่ในตลาดหุ้นไทยอย่างธนาคารกรุงไทย หรือเครือเซ็นทรัลกันเลยทีเดียว
มองแคนาดา ย้อนกลับมามองไทยแลนด์
เป็นไปได้ไหม ที่กัญชาในไทยจะถูกกฎหมาย??
แม้จากการสำรวจตามโลกออนไลน์ จะพบว่ามีเสียงเห็นด้วยอยู่มาก แต่ก็มีเสียงที่คัดค้านอยู่พอสมควร
ฉะนั้นเรื่องนี้คงเป็นคำถามที่ต้องขบคิดถึงข้อดี-ข้อเสียกันอย่างหนัก
และตราบใดที่ภาครัฐไม่มั่นใจว่าจะ “คุมอยู่” ผมก็คิดว่าในไทยคงมีโอกาสน้อย ที่จะถูกกฎหมายในเร็ววัน
คุณล่ะครับ คิดอย่างไรในประเด็นดังกล่าว??
ลองมาแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันในช่องคอมเม้นต์ได้เลยครับ….
ที่มา:
www.bnnbloomberg.ca/canada-s-legal-cannabis-market-by-the-numbers-1.1096027
https://www.canada.ca/en/revenue-agency/services/tax/businesses/topics/corporations/corporation-tax-rates.html
www.fool.com/investing/2018/07/22/the-massive-marijuana-market-you-wont-see-in-canad.aspx
Advertisement