Facebook
Twitter
LINE

ย้อนกลับไปวันที่ 19 กันยายน 2013

หรือวันนี้เมื่อ 5 ปีก่อน

คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในสมัยนั้น โพสต์ภาพอินโฟกราฟิกของโครงการสร้างอนาคตไทย 2020 ซึ่งกำลังจะเข้าสู่สภาในวันรุ่งขึ้น

ภาพดังกล่าวกลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ มีทั้งเสียงเห็นด้วยและคัดค้าน

บ้างก็ว่านี่คือโครงการเพื่ออนาคต… บ้างก็ว่าอีก 7 ปีเราจะมีรถไฟความเร็วสูง

บ้างก็ว่านี่คือโครงการที่ทำให้เป็นหนี้ชั่วลูกชั่วหลาน

 

 

เราไม่มีทางรู้ได้ว่าหาก โครงการนี้ผ่านจนได้สร้างจริงทั้งหมด จะพลิกโฉมประเทศได้หรือไม่??

จะสำเร็จด้วยดีในปี 2020 (หรืออีก 2 ปีข้างหน้า) ให้คนไทยได้ใช้งานตามที่ตั้งเป้าไว้

หรือจะกลายเป็นการลงทุนที่เจ๊ง ไม่มีใครใช้งาน ได้แค่ขนผักไปมา อย่างที่บางคนปรามาส

 

เพราะความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือ…

ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตก

มีความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ

เกิดการรัฐประหาร รัฐบาลทหารขึ้นมาบริหารประเทศแทน

มีทั้งโครงการที่ถูกหยิบมาทำ อยู่ระหว่างการศึกษา หรือตีตกไป

 

19 กันยายน 2018 ในวันที่ผมนั่งเขียนบทความอยู่นี้

นับเป็นเวลา 5 ปีหลังจากคุณชัชชาติได้ลงรูปภาพดังกล่าว

จึงอยากจะถือโอกาสพาไปไล่ดูกันว่า…

จากโครงการสร้างอนาคตไทย 2020 ที่เคยถูกโพสต์ไปนั้น แต่ละโครงการย่อยมีอะไรที่ถูกหยิบมาทำ หรือคืบหน้าไปอย่างไรบ้าง

 

เริ่มจากสิ่งที่คุ้นหูมากที่สุด “รถไฟความเร็วสูง”

– รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-พิษณุโลก (ในสายกรุงเทพ-เชียงใหม่) ญี่ปุ่นศึกษา แต่ยังไม่มียืนยันว่าจะร่วมลงทุน

– รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-นครราชสีมา งบประมาณ 179,000 ที่ไทยลงทุนร่วมกับจีน จะก่อสร้างเต็มรูปแบบปี 2019 คาดจะได้ใช้ 2023

– รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-ระยอง และกรุงเทพ-หัวหิน อยู่ระหว่างเจรจาหาเอกชน

ซึ่งจากข่าวล่าสุด มีความเป็นไปได้ว่าจะได้เอกชนเจ้าใหญ่ในไทยคือ ซีพี ลงทุนฝั่งตะวันออก และไทย เบฟเวอเรจ ลงทุนฝั่งตะวันตก

– รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา อยู่ระหว่างหาเอกชนร่วม คาดว่าจะได้ใช้ปี 2023

 

ถัดมา รถไฟทางคู่

ประกอบไปด้วยรถไฟสายใหม่

– สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เตรียมเปิดประมูลปีนี้ คาดว่าเริ่มก่อสร้างปีหน้า และเสร็จในปี 2025

– สายมุกดาหาร-นครพนม รอผ่านการอนุมัติ และหวังว่าจะเสร็จปี 2025 เช่นกัน

 

รถไฟทางคู่สายอื่นๆ

– รถไฟทางคู่ฉะเชิงเทรา-สระบุรี จะเปิดใช้เต็มรูปแบบปี 2019

– รถไฟทางคู่สายชุมทางจิระ-ขอนแก่น คาดเปิดให้ใช้ในปี 2019

– รถไฟทางคู่สายนครปฐม-ชุมพร คาดเปิดให้ใช้ได้ปี 2022

– รถไฟทางคู่สายอื่นๆ เช่น ชุมพร – ปาดังเบซาร์, ขอนแก่น – หนองคาย, นครราชสีมา-อุบลราชธานี, ลพบุรี-เชียงใหม่

ยังอยู่ระหว่างการจัดทำเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี อาจจะเปิดใช้ได้อย่างเร็วปี 2023 หรืออย่างช้าปี 2027

 

นี่คือตัวอย่างคร่าวๆ ของโครงการ อาจจะมีอีกหลายโครงการที่ผมไม่ได้หยิบยกมาพูดถึงอย่างละเอียด

ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ สายสีเขียวอ่อน สีน้ำเงิน สีชมพู สีส้ม ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและทยอยเปิดใช้

หรือจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีน้ำตาล ที่โครงการยังอยู่ในกระดาษ

โครงการท่าเรือ ถนนเชื่อมเมือง ถนนชนบท ด่านศุลกากร สถานีขนส่งสินค้า และอีกมากมาย ซึ่งคงเขียนเป็นบทความได้หลายหน้า

(ก็ขอว่าอย่าหยิบมาเป็นประเด็นโจมตีการเมืองเลือกข้าง ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม)

 

กลับมาที่เรื่องการลงทุนและเวลาในการดำเนินงาน

คุณชัชชาติเคยให้ข้อมูลอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณอาจจะยังไม่ทราบว่า

เขาเองก็ไม่ได้เป็นคนคิดโครงการรถไฟรางคู่

รถไฟรางคู่อนุมัติตั้งแต่ปี 1993 ระยะทาง 2,700 กิโลเมตร ด้วยงบประมาณ 80,000 ล้านบาท

แต่สร้างจริงได้เพียงประมาณ 300 กิโลเมตร

ผ่านไป 20 ปี งบก่อสร้างกลายเป็น 400,000 ล้าน

และในวันนี้ ผ่านไปจากที่เขาโพสต์ไป 5 ปี งบก่อสร้างก็คงสูงขึ้นไปอีก

 

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างเช่น ถนน ทางรถไฟ หรือสนามบิน

แม้จะผ่านจากการอนุมัติมา 20 ปี แม้จะได้ทำล่าช้า สุดท้ายเราก็ต้องได้ทำอยู่ดี

ไม่ว่าจะทำโดยรัฐบาลชุดคุณยิ่งลักษณ์ หรือทำโดยรัฐบาลคุณประยุทธ์เองก็ตาม

ถ้าได้ทำเร็ว จะไม่ดีกว่าหรือ??

 

มีคำพูดหนึ่งที่คุณชัชชาติเคยบอกเอาไว้ และไม่ว่าคุณจะอยู่ข้างการเมืองเดียวกับเขา อยู่จะอยู่ตรงข้ามก็ตาม

คำพูดดังกล่าวก็ชวนให้เราขบคิดเป็นอย่างมาก เขาบอกไว้ว่า…

“เรามักไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่อง “เวลา”

เพราะเราคิดว่าเวลาคือ “ของฟรี”

แต่ระยะเวลาไม่ฟรี เวลาเป็นสิ่งที่แพงที่สุด…”

 

เพราะต่อให้คุณมีเงินมากแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถเอามันไปซื้อเวลาเพื่อย้อนกลับไปได้

คุณไม่มีทางรู้ว่า ถ้าไม่มีการรัฐประหารเมื่อ 12 ปีก่อน คุณทักษิณจะพาประเทศเจริญหรือล่มจม

คุณไม่มีทางรู้ว่า ถ้าโครงการ 2 ล้านล้านผ่าน ประเทศจะได้กำไร หรือขาดทุนจนเป็นหนี้ชั่วชีวิต

คุณไม่มีทางรู้ว่า ถ้าปล่อยให้คุณยิ่งลักษณ์อยู่ต่อไป จำนำข้าวสุดท้ายจะเป็นโครงการที่เจ๊งหรือไม่

คุณไม่มีทางรู้ว่า ถ้าลุงตู่ไม่มาเป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศจะล่มสลาย หรือสุดท้ายทั้งสองฝ่ายตีกันจนเบื่อแล้วเลิกไป

คุณไม่มีทางรู้เลย เพราะคุณซื้อเวลากลับไปไม่ได้…

เห็นด้วยไหมครับ ว่าเวลามันแพงที่สุดจริงๆ

 

 

 

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...