Facebook
Twitter
LINE

“คุณสามารถซื้อรถยนต์ Tesla ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ในเวลาเพียง 1 นาที!!”

“ถ้าซื้อไปแล้วไม่พอใจ ก็คืนรถมาให้เราได้!!”

นี่คือประกาศล่าสุดจากทางบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมหาเศรษฐี Elon Musk เป็นผู้บริหารคนปัจจุบัน

และเป็นการแสดงจุดยืนว่าบริษัทของเขา พร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนผ่านจากการขายรถยนต์ในโชว์รูมแบบปกติ ไปเป็นการขายออนไลน์เต็มรูปแบบ

แน่นอนว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ไม่ใช่สำคัญแค่สำหรับบริษัทแห่งนี้

แต่อาจจะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งวงการรถยนต์ไฟฟ้าในยุคอนาคตด้วย

ท่ามกลางความสงสัยจากรอบด้านว่า Tesla กำลังคิดอะไรอยู่?? แล้วรูปแบบธุรกิจออนไลน์นี้จะไปรอดหรือ??

ทางเพจ Billionaire Mindset ขอสรุปในหลากหลายประเด็นให้ได้อ่านกันครับ…

 

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คืออะไร!?

ประกาศล่าสุดของ Tesla ในเรื่องของการเตรียมขายออนไลน์ มีใจความว่า..

“ต่อไปนี้ลูกค้าในอเมริกาเหนือ สามารถคลิกสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าผ่านโทรศัพท์มือถือได้ใน 1 นาที

และอีกไม่นานนี้การสั่งซื้อออนไลน์จะครอบคลุมไปทั่วโลก

เราจะทำให้การทดลองใช้รถยนต์เป็นเรื่องง่ายที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องไปลองขับที่ศูนย์อีกต่อไปแล้ว

เพราะถ้าคุณซื้อไปแล้วไม่พอใจ ก็สามารถส่งคืนรถได้ภายใน 7 วัน หรือขับไปไม่เกิน 1,000 ไมล์

อ๊ะ…(บริษัทยังเขียนดักเอาไว้) นั่นแหละ คุณสามารถซื้อรถไปเพื่อขับรถเที่ยวในช่วงวันหยุดกับเพื่อน แล้วก็ส่งคืนบริษัทได้ฟรีๆ”

 

ไม่พอใจ ก็แค่ส่งคืน…

 

ทำไมต้องเปลี่ยนรูปแบบการขาย!?

Tesla ก็เป็นเช่นเดียวกับรถยนต์เจ้าอื่นๆ ที่ต้นทุนของการบริหารงานแต่ละสาขานั้นสูงมาก จนทำให้กำไรหดหายลง

ก่อนหน้านี้บริษัทไม่มีกำไรเลย จนกระทั่งช่วงไตรมาส 3 ของปีล่าสุด ที่เขาพาบริษัทพลิกทำกำไรได้ตามสัญญา

ไตรมาส 3 ปี 2018 ทำกำไรได้ประมาณ 9,980  ล้านบาท

และในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2018 ก็ยังมีกำไรประมาณ 4,400 ล้านบาท

แม้ Elon เองจะบอกว่า “ไม่ได้คาดหวังกำไรในช่วงต้นปี 2019” เพราะทำตามสัญญาเมื่อปีก่อนได้สำเร็จแล้ว

แถมยิ่งช่วงหลังบริษัทพยายามลดราคาของรถยนต์ไฟฟ้า ลงมาให้คนทั่วไปเอื้อมถึงได้

ก็ยิ่งทำให้กำไรน้อยลงไปอีก!!

(ล่าสุดเพิ่งประกาศลดราคา Model 3 ลงมาเหลือประมาณ 1,000,000 บาทเท่านั้น)

 

แต่ทุกบริษัทก็ย่อมหวังผลกำไรในการดำเนินงาน และการทำกำไรให้สูง ก็ต้องลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด

นั่นทำให้ Tesla มองว่าการมี “สาขา” เยอะเกินไป ทำให้ต้นทุนสูง

แล้วการจะทำให้ได้กำไรมากขึ้น ก็ต้องปิดสาขาเล็กทิ้งไป

คงเหลือแต่สาขาใหญ่ ที่มีคนเข้าใช้บริการเยอะ ทำหน้าที่เป็นศูนย์ซ่อมหลัก และเป็นแกลอรี่จัดแสดงรถยนต์ก็เพียงพอแล้ว…

 

 

โชว์รูม Tesla ในเมืองดัลลาส

 

แล้วจะบริการลูกค้าได้อย่างไร!?

การปิดศูนย์บริการขนาดเล็ก ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า และยิ่งทำให้คนไม่กล้าซื้อ Tesla มาใช้หรือไม่??

ในคำถามนี้ Elon Musk มองว่าเขาสามารถ “สร้างความเชื่อมั่น” ให้ลูกค้าได้ ด้วยบริการหลังการขายอันทรงประสิทธิภาพ

นอกเหนือจาก “บริการเปลี่ยนรถฟรีใน 7 วัน” หากคุณไม่พอใจหลังจากซื้อมา

การปิดศูนย์บริการขนาดเล็กไป ก็จะมีการเปิด “ศูนย์บริการเคลื่อนที่” ขึ้นมาแทน เพื่อคอยจัดการกับรถที่มีปัญหา

 

ลองนึกภาพตามว่า มีศูนย์ใหญ่อยู่เมืองละ 1-2 แห่ง

จากนั้นหากรถมีปัญหา คุณก็แค่เปิดแอปขึ้นมา แจ้งว่ามีปัญหาอะไร

จากนั้นหน่วยบริการเคลื่อนที่ก็สามารถไปจัดการซ่อมบำรุงได้ทุกที่ในเขตรับผิดชอบนั้น

Tesla ตั้งเป้าว่าจะต้องบริการซ่อมบำรุงทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการแจ้งให้ได้

โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีศูนย์ขนาดเล็กเอาไว้ในย่านชุมชนอีกแล้ว..

 

จุดหนึ่งที่ทำให้แนวคิดของ มีคนตั้งข้อสังเกตก็คือ “ความซับซ้อน” ของระบบรถที่ต่างกัน

รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน หรือกระทั่งรถยนต์ระบบไฮบริด มีความซับซ้อนของเครื่องยนต์อย่างมาก ทั้งระบบส่งน้ำมัน ระบบเครื่อง ระบบขับเคลื่อน

ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla มีระบบหลักๆ ก็คือ แบตเตอรี่ และ มอเตอร์

ซึ่งแม้แต่ตัว Elon ก็เคยกล่าวเอาไว้ว่าการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว ทำได้ง่ายกว่ารถยนต์ปกติหลายเท่านัก

 

รถบริการเคลื่อนที่ จะไหวไหม!?

 

จะ “สำเร็จ” หรือ “ล้มเหลว”?? เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้??

คำถามนี้ คงจะมีแต่เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด

แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะเรียนรู้ได้ก็คือ “ความเปลี่ยนแปลง” แม้แต่บริษัทที่ขึ้นชื่อว่ามีเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าก้าวล้ำมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ก็ยังต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของโชว์รูมรถยนต์ จากเดิมการขายรถ คือการขยายศูนย์บริการออกไปให้ทั่วถึง

ลูกค้าในท้องถิ่นจะได้รู้จัก เกิดความมั่นใจ และเลือกซื้อรถยี่ห้อนั้นๆ

เพราะถึงจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เขาก็จะมั่นใจว่าได้รับการดูแลและบริการหลังการขายที่ดี

 

แต่ในยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์

ในยุคหนึ่งคนไม่กล้าซื้อทีวีออนไลน์ แต่ตอนนี้ก็เห็นร้านค้าขนทีวีไปส่งกันให้ควั่ก

ในยุคหนึ่งคนกลัวการซื้อมือถือออนไลน์ แต่ทุกวันนี้ก็กดสั่งแล้วนั่งรอใช้งานอยู่ที่บ้าน

ในยุคนี้คนอาจจะไม่คุ้นชินกับการซื้อรถยนต์ออนไลน์ แต่ใครจะรู้ล่ะ อีกไม่นานคนอาจจะซื้อรถออนไลน์จนกลายเป็นเรื่องปกติก็ได้

 

คุณคิดว่าอย่างไรล่ะครับ…??

 

 

ติดตาม Billionaire Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionairethai/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/BillionaireThai

– ถ้าเล่นแต่ไลน์ ก็ส่งบทความให้คุณทุกวันที่ @BillionaireMindset

– ติดตามเพจ Billionaire Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา:

www.theverge.com/2019/2/28/18245296/tesla-stores-closing-online-only-car-sales

www.bizjournals.com/boston/news/2019/03/01/in-u-turn-tesla-closing-retail-stores.html

https://electrek.co/2019/03/03/tesla-closing-stores/

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...