ท่ามกลางการสู้รบของนักลงทุนรายย่อย กับกองทุนยักษ์ใหญ่ผ่านหุ้น GameStop จนราคาหุ้นพึ่งขึ้นเป็นสิบๆ เท่า
แต่ย้อนกลับไปช่วงกลางปีที่แล้ว คุณอาจจะไม่รู้ว่า มีผู้ชายคนหนึ่ง เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาบอร์ดบริหารของบริษัท GameStop ด้วยตัวเอง
เขาเจรจาขอซื้อหุ้นธุรกิจร้านขายเกมที่กำลังย่ำแย่ และเจอปัญหาขาดทุนมาโดยตลอด
แถมยังกล้าบอกว่า “ผมจะพลิกฟื้นกิจการพวกคุณให้กลับมาทำกำไรได้เอง!!”
เริ่มสงสัยกันรึเปล่า ว่าเขาเป็นใคร? แล้วมีความเก่งกาจมาจากไหนกัน?
ย้อนกลับไปในปี 2011 นั้น Ryan Cohen ซึ่งมีอายุ 25 ปี และประสบปัญหาไม่สามารถหาซื้อของใช้ที่ถูกใจให้กับหมาของเขาได้เลย
เขานำความอัดอั้นและปัญหาที่เจอ ก่อตั้ง Chewy เว็บไซต์ขายอาหารและของใช้สัตว์เลี้ยง เพื่อช่วยนำเสนอสินค้าได้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกของการตั้งสตาร์ทอัป ก็ไม่ได้ง่ายดายนัก
เพราะตลอด 2 ปีที่เขาเร่เอาไอเดียไปนำเสนอนักลงทุน เขาบอกว่านำเสนอจนครบ 100 รายแรก ไม่มีใครสนใจไอเดียของเขาเลย
อาจจะเป็นเพราะว่า ในตอนนั้นมีเว็บไซต์ขายสินค้าสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว รวมถึงเว็บใหญ่ๆ อย่าง Amazon ก็มีหมวดสินค้าสัตว์เลี้ยงให้ลูกค้าเข้าใจ
จนกระทั่งปี 2013 ในที่สุดเขาก็ได้รับเงินลงทุนก้อนแรก 450 ล้านบาท เพื่อมาพัฒนาระบบตามที่ตั้งใจไว้
ซึ่งนำไปสู่การจ้างอดีตพนักงานจากอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Amazon, PetSmart หรือ Whole Foods Market มาช่วยงาน
หลังจากนั้น Chewvy ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ยอดขายในช่วง 3 ปีนั้น ก้าวกระโดดจาก 700 ล้านบาท เป็น 6,000 ล้านบาท และ 12,000 ล้านบาท
จนในที่สุด PetSmart เครือร้านอาหารสัตว์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ก็ทนเห็นความเติบโตอันร้อนแรงนี้ไม่ไหว ยอมควักเงิน 100,000 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการไปในปี 2017
หลังจากนั้น Ryan Cohen ก็ลาออกจากผู้บริหารในปีต่อมา แล้วผันตัวเองเป็นนักลงทุน ซึ่งหลักๆ ก็คือการเข้าซื้อหุ้น Apple และธนาคาร Wells Fargo ในสหรัฐฯ
จนกระทั่งกลายเป็นข่าวใหญ่ ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2020 ที่ผ่านมา
GameStop บริษัทที่กำลังประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องกัน แล้วในสองปีหลัง พวกเขาก็ขาดทุน 20,000 ล้านบาท กับ 14,000 ล้านบาท
ปรากฏว่า Ryan Cohen ติดต่อเข้าพบกับบอร์ดบริหาร เพื่อนำเสนอแผนงานในการพลิกฟื้นบริษัทให้กลับมาทำกำไร
ตามรายงานข่าวที่ออกมา ระบุว่าเขามีแผนงานไว้หลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็น..
– การพัฒนาระบบออนไลน์ของ GameStop ให้ทันกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่รายอื่น ถึงขั้นที่จะไปสู้กับ Amazon ได้
– GameStop ควรทำระบบซื้อขายเกมมือสองแบบออนไลน์ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องมาที่สาขาได้แล้ว
– ทำระบบสตรีมมิ่งเกม เหมือนกับ Netflix ใช้ในวงการภาพยนตร์ บริษัทน่าจะลองเจรจาค่ายเกม เพื่อใช้วิธีนี้ในการเก็บค่าสมาชิกรายเดือนจากลูกค้า
– เขามองว่า GameStop มีชื่อเสียงยาวนาน และฐานลูกค้าที่ดี ถ้าพัฒนาระบบให้ทันสมัย ลูกค้าก็พร้อมจะเชื่อมั่นในแบรนด์นี้ต่อไป
ไม่มีใครรู้แน่ว่าตอนนั้นเขาคิดจะทำอะไรอยู่ แต่เขาก็ยืนยันความตั้งใจด้วยการควักเงิน 1,800 ล้านบาท ซื้อหุ้น 9.9% ของบริษัทในทันที
แล้วหลังจากนั้นในเดือนธันวาคม เขาก็ลงทุนเพิ่มอีก 3% กลายเป็นบุคคลธรรมดาที่ถือหุ้นในบริษัท GameStop มากที่สุดไปในทันที
ในเอกสารที่เขาส่งให้หน่วยงานตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เขาชี้แจงถึงการเข้าซื้อหุ้นมหาศาลครั้งนี้ว่า…
“เพื่อมีส่วนร่วมกับธุรกิจมากยิ่งขึ้น และพยายามสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นทุกคน”
และอย่างที่เราทราบกัน ราคาหุ้น GameStop ที่พุ่งสูงมากในเดือนนี้ ทำให้มูลค่าบริษัทสูงถึง 640,000 ล้านบาทแล้ว
ซึ่งนั่นส่งผลให้ Ryan Cohen ที่ถือหุ้นอยู่ราว 13% หรือคิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาทในวันสิ้นปี กลายเป็นหุ้นมูลค่า 83,000 ล้านบาทไปในทันที
(คิดเฉลี่ยว่าผ่านมา 30 วันในปีนี้ เขารวยขึ้นวันละ 2,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นต่อชั่วโมงคือ 108 ล้านบาทต่อชั่วโมง!!)
แน่นอนว่าในเชิงตัวเลข หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นมหาศาล ธุรกิจกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และเขาเป็นคนที่รวยขึ้นอีกหลายเท่า
แต่หลายคนก็ทราบดีว่า เมื่อสงครามในตลาดหุ้นครั้งนี้จบลง ราคาหุ้นของ GameStop ก็อาจจะร่วงลงไปอีกครั้ง
แล้วในเชิงธุรกิจนั้น GameStop ยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าจะพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง
จึงน่าสนใจว่าท้ายที่สุดแล้ว อีกหนึ่งอัจฉริยะแห่งวงการอีคอมเมิร์ซ จะพลิกฟื้นธุรกิจร้านเกมใกล้ตาย ให้กลับมาเฉิดฉายได้จริงๆ ในอนาคตหรือไม่…!?
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่
ที่มา:
https://markets.businessinsider.com/news/stocks/gamestop-stock-price-chewy-cofounder-ryan-cohen-activist-investment-stake-2020-12-1029915366
https://en.wikipedia.org/wiki/Ryan_Cohen
www.marketwatch.com/story/hes-34-years-old-and-owns-550-million-worth-of-apple-so-why-is-he-hoping-the-stock-gets-hammered-again-2020-06-22
www.entrepreneur.com/article/349890
Advertisement
