ทำความเข้าใจ สัดส่วนรายได้-กำไร OR เป็นการเบื้องต้น #เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก่อนซื้อหุ้น
ใครไม่อยากอ่านยาว เรามีคลิปสรุปให้ฟังด้วยนะ กดไปเลย
จากกระแสอันร้อนแรงของหุ้น OR ที่กำลังจะเปิดให้จองซื้อในวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคมนี้ มีนักลงทุนซึ่งส่วนใหญ่เป็นมือใหม่ ให้ความสนใจสอบถามเข้ามามากพอสมควร
ทั้งเรื่องที่ว่าราคาเท่านี้ น่าสนใจแค่ไหน? ซื้อแล้วจะได้กำไรหรือขาดทุน? มีปันผลหรือไม่?
ในโพสต์นี้ ทาง Billion Mindset เลยอยากจะมาพูดถึงสัดส่วนรายได้ของบริษัท และตัวเลขพื้นฐานสำคัญที่คนจะซื้อหุ้นควรรู้ครับ..
เริ่มจากรายได้ย้อนหลังของบริษัท 3 ปีที่ผ่านมา…
ปี 2017 มีรายได้ 550,717 ล้านบาท กำไร 12,671 ล้านบาท
ปี 2018 มีรายได้ 599,173 ล้านบาท กำไร 9,493 ล้านบาท กำไร -25% จากปีก่อน
ปี 2019 มีรายได้ 583,393 ล้านบาท กำไร 10,895 ล้านบาท กำไร +14% จากปีก่อน
ปี 2020 (9 เดือนแรก) มีรายได้ 321,922 ล้านบาท กำไร 5,868 ล้านบาท
หลายคนมองว่ารายได้และกำไรดูขึ้นๆ ลงๆ ส่วนหนึ่งบริษัทให้เหตุผลว่าในปี 2018 มีค่าใช้จ่ายในการที่ OR ออกจาก PTT อย่างเป็นทางการ จึงส่งผลกระทบต่อตัวเลขกำไร
ส่วนของปี 2020 หลายคนทราบกันดีว่าเกิดจากวิกฤติโควิด-19 ไม่มีคนเดินทาง ไม่มีคนเติมน้ำมัน บริการในปั๊มก็ขายไม่ได้ รายได้ย่อมลดลงอย่างไม่ต้องสงสัย
ทีนี้เรามาดูกันต่อที่สัดส่วนรายได้
สัดส่วนรายได้ของปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ 583,393 ล้านบาท แบ่งออกเป็น…
– ธุรกิจน้ำมัน 539,835 ล้านบาท สัดส่วน 91%
– ธุุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม 9,460 บาท สัดส่วน 1.6%
– ธุรกิจค้าปลีก 7,555 ล้านบาท สัดส่วน 1.3%
– ธุรกิจต่างประเทศ 33,656 ล้านบาท สัดส่วน 5.7%
ซึ่งจุดนี้หลายคนน่าจะมองว่าพึ่งพาการขายน้ำมันหน้าปั๊มสูงมากๆ แต่เราลองไปดูในหัวข้อถัดไปอีกนิดนึงครับ
สัดส่วนของ EBITDA หรือพูดเป็นภาษาไทยจะยาวหน่อยว่ากำไรก่อนจะหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, ภาษี หรือค่าเสื่อมต่างๆ
– ธุรกิจน้ำมัน 12,016 ล้านบาท สัดส่วน 70%
– ธุุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม 2,342 บาท สัดส่วน 13%
– ธุรกิจค้าปลีก 1,912 ล้านบาท สัดส่วน 11%
– ธุรกิจต่างประเทศ 707 ล้านบาท สัดส่วน 4%
จะเห็นว่าเมื่อเทียบที่ตัวเลขกำไรเป็นการคร่าวๆ น้ำมันจะมีบทบาทน้อยลง (ลองดูตารางมุมซ้ายล่างประกอบ)
เพราะธุรกิจน้ำมันจะมีกำไรในขั้นนี้เพียง 2% ของยอดขายเท่านั้น ถึงจะขายได้ 500,000 ล้านบาท ก็คิดเป็นกำไร 10,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจอย่างอาหารเครื่องดื่ม แม้มีรายได้ไม่ถึง 10,000 ล้านบาท แต่ก็ทำกำไรได้ถึงประมาณ 25% ของรายได้
ซื้อหุ้น OR จะคืนทุนเมื่อไร? ได้ปันผลดีไหม?
ถึงจุดนี้มีอธิบายในคลิปวิดีโอด้วยนะครับ ตามไปดูที่: https://www.youtube.com/watch?v=fhzvcAIK6XM
ราคาเปิดจอง 16 – 18 บาท ซึ่งจะได้ข้อสรุปอีกทีหลังปิดจองแล้ว (แต่เบื้องต้นต้องวางเงินเต็มหุ้นละ 18 บาทก่อนนะครับ)
บริษัทมีกำไรในช่วง 1 ปีล่าสุดอยู่ที่หุ้นละ 0.67 บาท
เพราะฉะนั้นที่ราคา 16 – 18 บาท จะหารกับ 0.67 บาท ออกมาได้ 23.9 – 26.9 เท่า
ตัวเลขที่เรียกว่าค่า P/E พูดง่ายๆ ว่าคือระยะเวลาคืนทุนว่าลงทุนไปแล้วได้กำไรกี่ปีถึงจะคืนทุน ซึ่งก็จะประมาณ 24 – 27 ปีนั่นเอง
ในส่วนของเงินปันผล นโยบายจ่ายปันผลคืออย่างน้อย 30% ของกำไร
เรายกตัวเลขกำไร 0.67 บาทต่อหุ้นมาอีกครั้ง คูณกับ 30% จะได้ปันผลตกอยู่ที่ 0.201 บาทต่อหุ้น
เราก็เอาตัวเลข 0.201 ไปเทียบกับราคาจองซื้อหุ้น 16 – 18 บาท
จะได้เงินปันผลออกมาอยู่ที่ประมาณ 1.11 – 1.25% ต่อปีครับ
แต่!!
ต้องอย่าลืมว่า.. ในอนาคตถ้าบริษัทนำเงินจากการขายหุ้น ไปลงทุนขยายกิจการ สามารถสร้างรายได้มากขึ้น มีกำไรมากขึ้น ก็ทำให้คืนทุนเร็วขึ้น หรือจ่ายปันผลได้มากขึ้นตามไปด้วย
แล้วในอนาคตบริษัทตั้งเป้าจะทำอะไรบ้าง?
จากที่ฟังผู้บริหารแถลงข่าว พอจะสรุปได้ว่า…
– ในช่วงอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า OR ตั้งเป้าจะขยายปั๊มน้ำมันให้ได้อีกประมาณ 500 แห่ง เฉลี่ยปีละ 100 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่เกือบ 2,000 แห่งในประเทศไทย
– ตั้งเป้าขยายร้าน Cafe Amazon เพิ่มอีก 2,000 สาขา จากปัจจุบันมีในไทย 3,100 สาขา ซึ่งจะเน้นการเปิดนอกปั๊มมากยิ่งขึ้น
– ในส่วนของธุรกิจต่างประเทศ จะขยายต่อไป โดยเน้นการสร้างพันธมิตรในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม และจับมือกับเอกชนท้องถิ่นในต่างประเทศเพื่อลงทุนขยายกิจการ
– สัญญากับร้าน 7-Eleven ใกล้จะหมดลง แต่พูดคุยกันแล้วว่าจะต่อสัญญาต่อไป เพราะเป็นพันธมิตรอย่างยาวนาน
– เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต มีการเริ่มทำสถานีชาร์จอย่างน้อย 20 แห่งในไทยแล้ว พร้อมพัฒนาอยู่ตลอดหากยอดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
(สถานีชาร์จไฟคิดเป็น 1% ของปั๊มทั้งหมด เทียบกับยอดรถไฟฟ้าในไทยที่ 2% ของรถจดทะเบียน)
– โดยเงินทั้งหมดประมาณ 50,000 ล้านบาทที่จะได้จากการเข้าตลาดหุ้น จะถูกนำไปใช้ในการขยายกิจการ จ่ายหนี้สิน และเป็นทุนหมุนเวียนทำธุรกิจต่อไป
ก็หวังว่าทั้งบทความนี้ และคลิปวิดีโอของทางเรา จะช่วยให้นักลงทุนและผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของหุ้น OR ได้มีข้อมูลที่ดีมาช่วยประกอบการตัดสินใจนะครับ…
*โพสต์นี้ไม่ได้มีการว่าจ้าง หรือเจตนาชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหุ้นแต่อย่างใด เป็นเพียงการวิเคราะห์ส่วนตัวของทางผู้เขียนเองเท่านั้น โปรดตัดสินใจและพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบก่อนลงทุนทุกครั้ง!!
เนื้อหา: ประณิธิ วงศ์คำจันทร์
ภาพ: ภัทรวลี วงศ์สม
Advertisement
