Facebook
Twitter
LINE

นี่คือหนึ่งในแฟรนไชส์ร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก มีสาขากว่า 35,000 สาขา และมูลค่ากิจการสูงถึง 5 ล้านล้านบาท

เราเชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จัก McDonald’s หรืออย่างน้อยต้องเคยใช้บริการมาสักครั้ง

แต่เราก็เชื่ออีกว่า หลายคนน่าจะยังไม่รู้ถึงประวัติการก่อตั้งร้านฟาสต์ฟู๊ดแห่งนี้ ว่าเป็นมาอย่างไร!?

ร้านไม่ได้เป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ดแต่แรก.. ร้านไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย

และร้านก็เคยมีดราม่าระหว่างผู้ก่อตั้ง จนถึงจุดแตกหักมาแล้วด้วย..!?

 

ธุรกิจที่มีจุดเริ่มต้น จากวิกฤติครั้งใหญ่…

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในยุค 1920 เมื่อ Richard และ Maurice สองพี่น้องตระกูล McDonald อพยพมายังแคลิฟอร์เนีย

ตอนแรกพวกเขาก็ทำงานรับจ้างทั่วไป จนกระทั่งในปี 1930 เมื่อมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง จึงตัดสินใจเปิดกิจการโรงหนังและขายของกินเล่น

แต่.. ช่วงเวลาที่เขาเปิดกิจการนั้น ดันกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่พอดี

นั่นจึงทำให้สองพี่น้องได้บทเรียนธุรกิจแรกทันที ว่าการขายความบันเทิงในช่วงเศรษฐกิจแย่นั้น ทำให้พวกเขาแทบเอาตัวไม่รอด

 

Richard และ Maurice สองพี่น้องตระกูล McDonald

 

ในที่สุด ปี 1937 เมื่อตกผลึกความคิดได้ พวกเขาตัดสินใจขายกิจการโรงหนัง และมาทำธุรกิจที่ไม่ว่าคนยุคไหนก็จำเป็นจะต้องใช้บริการ นั่นก็คือ “อาหาร”

McDonald’s Barbeque ร้านบาร์บีคิวสาขาแรกก็ถือกำเนิดขึ้นมา…

 

การปรับเปลี่ยนธุรกิจ ให้เข้ากับความนิยม

ในช่วงที่เปิดกิจการร้านอาหาร พวกเขาสามารถเอาตัวรอดผ่านช่วงเวลายากลำบากในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้

พี่น้อง McDonald ก็ได้ค้นพบความจริงที่น่าสนใจอยู่สองข้อ..

ข้อแรก ร้านอาหารส่วนใหญ่ในช่วงเวลานี้อาจต้องใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงกว่าที่จะนำอาหาร ไปเสิร์ฟลูกค้าได้

ข้อสอง รายได้ของร้านอาหารแทบทั้งหมดล้วนแต่มาจาก แฮมเบอร์เกอร์  เฟรนช์ฟรายด์ และโค้ก

 

ดังนั้น ในปี 1948 พี่น้อง McDonald จึงได้ตัดสินใจปรับปรุงร้านของตัวเองใหม่ทั้งหมด

เริ่มจากการลดเมนูที่ขายไม่ดีออกไป เพื่อเหลือแต่เมนูหลักๆ ให้สามารถเสิร์ฟได้เร็วขึ้น

แถมยังปรับปรุงตัวร้านใหม่ เพื่อให้คนใช้เวลาการกินน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดวางเก้าอี้ รวมถึงใช้แก้วน้ำแบบกรวย ซึ่งทำให้ลูกค้าวางน้ำได้ยาก

รวมถึงการปรับให้ร้านเป็นแบบกึ่งบริการตัวเอง ลดการใช้พนักงานเสิร์ฟ เพื่อให้บริการได้เร็วขึ้นไปอีก

เรื่องของการลดการบริการนี้ ฟังเผินๆ อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดี

แต่มันก็ทำให้ร้านสามารถเสิร์ฟอาหารได้อย่างรวดเร็ว จนบางครั้งการเสิร์ฟอาหารก็อาจใช้เวลาแค่ 30 วินาทีเท่านั้น

 

เมื่อปรับระบบบริการใหม่ ก็ต้องสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ  พวกเขาจ้างนักออกแบบ มาปรับปรุงร้านใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม

ซึ่งหนึ่งในผลงานสำคัญตอนนั้น ก็คงไม่พ้นป้ายไฟโค้งสีเหลืองรูปตัว M ซึ่งในเวลาต่อมาจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของ McDonald’s

ผลของการปรับปรุงธุรกิจในช่วงเวลาหลังสงครามโลก ทำให้ McDonald’s Barbeque สามารถขายอาหารได้เป็นจำนวนมาก มีรายได้เพิ่มขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น

จนนำไปสู่การเปิดสาขาเพิ่มถึง 20 สาขาในเวลาไม่กี่ปีหลังจากนั้น

 

 

ร้าน McDonald’s Barbeque ในช่วงปี 1940

 

จุดเปลี่ยนสำคัญของแฟรนไชส์

ในช่วงเวลาที่ McDonald’s กำลังค่อยๆ ขยายสาขาไปอย่างช้าๆ ก็พบความเปลี่ยนแปลงสำคัญ

เมื่อชายชื่อ Ray Kroc ที่ทำธุรกิจขายเครื่องทำมิลค์เชค ตรวจพบว่าแม้เครื่องของเขาจะมียอดขายไม่ดี แต่กลับถูกใช้งานอยู่ในร้าน McDonald’s สาขาหนึ่งถึง 8 เครื่อง

เขาเกิดความสงสัย จึงได้สืบหาข้อมูล และนำไปสู่การเข้าพูดคุยข้อเสนอทางธุรกิจกับเจ้าของ McDonald’s

คุณ Ray ยื่นข้อเสนออยากจะพา McDonald’s ไปเปิดสาขาเพิ่มในรัฐอื่นๆ ของสหรัฐฯ นอกเหนือจากแคลิฟอร์เนีย

ในตอนแรก พี่น้อง McDonald ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก  เพราะคิดว่าร้านอาหารจานด่วนเช่นนี้ น่าจะไม่ได้รับความนิยมในภาคตะวันออกของประเทศ

 

อย่างไรก็ตามเมื่อ Ray ยืนยันว่าตัวเองจะรับความเสี่ยงของการลงทุนเอง และแบ่งผลกำไรให้กับสองพี่น้องแทน

ในที่สุดพี่น้อง McDonald จึงยอมรับข้อเสนอของเขา ภายใต้ส่วนแบ่ง 0.5% ของกำไร

แล้วปรากฏว่า นอกจากจะนำ McDonald’s ไปเปิดในส่วนอื่นๆ ของสหรัฐฯ แล้ว เขายังปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย

อย่างเช่นปัญหาสำคัญก็คือ คุณภาพงานของสาขาย่อย ที่ไม่ดีเท่าสาขาแรก เขาก็สร้างมาตรฐานจนทุกสาขาต้องปฏิบัติอะไรเหมือนๆ กัน

เพียงแค่ 6 ปีหลังจากนั้น เขาก็สามารถขยายร้านไปมากกว่า 100 สาขา

และในเวลานั้น Ray ก็แทบจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของ McDonald’s แทนสองพี่น้องผู้ก่อตั้งจริงๆ แล้ว

 

เมื่อคิดเห็นไม่ตรงกัน นำไปสู่จุดแตกหัก

แต่แล้วในปี 1956 นั้นเอง Ray และพี่น้อง McDonald ก็ต้องมีเรื่องร้าวฉานกันจนได้

ปัญหาเริ่มต้นขึ้น เมื่อ Ray ค้นพบว่าพี่น้อง McDonald จะขายสิทธิ์การเปิดร้านในรัฐอิลลินอยส์ ให้กับบริษัท ไอศกรีมแห่งหนึ่ง โดยไม่บอกเขาก่อน

ในฐานะของการทำธุรกิจ สำหรับ Ray คือการหักหลังความไว้เนื้อเชื่อใจกัน

ส่วนสำหรับพี่น้อง McDonald ก็แค่การขายสิทธิ์ให้กับคนที่ยื่นข้อเสนอมาก่อนเท่านั้น

นั่นทำให้ Ray ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงขนาดทุ่มเงินกว่า 770,000 บาท (คิดเป็นเงินราวๆ 7.2 ล้านบาทในปัจจุบัน) เพื่อซื้อต่อสิทธิ์นั้นมาเป็นของตัวเอง

และที่สำคัญคือ เหตุการณ์นี้ได้ทำให้ Ray วางแผนจะยึดธุรกิจมาเป็นของตัวเอง

 

Ray Kroc กับภาพวาดร้าน McDonald’s 

 

แทนที่จะให้บริษัทใหญ่ ไปซื้อหรือเช่าที่เปิดร้านโดยตรง เขาใช้วิธีตั้งบริษัทมาซื้อหรือเช่าที่ดินตรงที่จะเปิดร้านก่อน

ก่อนที่จะให้ McDonald’s มาเช่าที่ดินนั้นในราคาแพงกว่าปกติ เพื่อเปิดสาขาใหม่ๆ

ซึ่งการทำแบบนั้น ทำให้เงินยังคงเข้ากระเป๋าของ Ray เหมือนเดิม แต่ส่วนแบ่งกำไร 0.5% ของ พี่น้อง McDonald น้อยลงเรื่อยๆ

จนท้ายที่สุดในปี 1961 ทั้งคู่ก็ต้องยอมขายแฟรนไชส์ทั้งหมดให้ Ray จนได้ในราคา 80 ล้านบาท

 

และเมื่อ Ray ได้สิทธิ์ในแฟรนไชส์มาแบบเต็มตัวเช่นนี้ เขาก็ไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เขานำบริษัทเข้าระดุมทุนในตลาดหุ้นเมื่อปี 1965 เพื่อนำเงินไปขยายสาขามากขึ้นไปอีก

โดยในเวลานั้นเขาทั้งออกแบบโลโก้ร้านใหม่ให้เป็นสัญลักษณ์ที่เราคุ้นเคยกัน

สร้างสินค้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่าง Big Mac และชุด Happy Meal ที่แถมของเล่น

สร้างมาสคอตตัวตลก และเดินหน้าโฆษณา McDonald’s ให้เป็นที่รู้จัก จนสามารถขยายสาขาและได้รับความนิยมไปทั่วโลกในอีก 50 ปีถัดมา

 

และถ้าคุณลงทุน 10,000 บาทกับหุ้น McDonald’s ในตอนที่เข้าซื้อขายในตลาดเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน

ในวันนี้ เงินลงทุนของคุณจะงอกเงยขึ้นเป็นมูลค่าสูงถึง 62 ล้านบาทเลยทีเดียว!!

 

บางคนอาจมอง Ray Kroc ในแง่ของนักธุรกิจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยฝีมือ แต่บางคนก็อาจจะมองว่า เขาเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง

แต่จะมองในแง่ไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขาคือคนสำคัญที่เปลี่ยน McDonald’s จากร้านขายอาหารจานด่วน ให้กลายเป็นผู้นำแห่งวงการฟาสต์ฟู้ด

และแม้ว่าในปัจจุบัน คุณ Ray จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม

แต่เชื่อว่าอาณาจักร McDonald’s ก็คงจะยังอยู่คู่กับวงการฟาสต์ฟู้ดไปอีกนานแสนนาน

 

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา

steemit.com/food/@hicmaster/mcdonald-s-the-origins-of-a-fast-food-empire

corporate.mcdonalds.com/corpmcd/about-us/history.html

www.smithsonianmag.com/history/story-how-mcdonalds-first-got-its-start-180960931/

www.britannica.com/topic/McDonalds

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...