Facebook
Twitter
LINE

บางครั้งการจะได้ประสบการณ์อันล้ำค่า ก็ต้องไปสัมผัสด้วยตนเอง…

ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนไป ยุคที่โลกดิจิทัลและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประเทศจีน ก็เป็นอีกหนึ่งชาติที่ปรับตัวและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้อย่างรวดเร็ว

และนับเป็นโอกาสอันดีที่ทางกรุงศรี จัดทริปศึกษาดูงาน ภายใต้แนวคิด CHINA 5.0: AI / Big Data Management and Smart City  บินลัดฟ้าไปสู่เมืองนวัตกรรมอย่างเซี่ยงไฮ้ เพื่อเยี่ยมชม 8 บริษัทชั้นนำในด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี

 

.

 

ส่วนใหญ่คนที่ร่วมทริปนี้ จะเป็นลูกค้าในโครงการ Krungsri Leadership Academy (KSLA) และ Krungsri Leadership Academy Boot Camp (Mini KSLA Boot Camp) ซึ่งล้วนเป็นเจ้าของ หรือทายาทธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งสิ้น

ในบทความนี้ ผมจะสรุปความน่าสนใจ รวมถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นจากการศึกษาดูงานในครั้งนี้ ว่ามีนวัตกรรมอะไรที่เราได้เรียนรู้บ้าง…

 

ศึกษาผู้นำด้าน Big Data เพราะข้อมูลคือสิ่งสำคัญ

ในยุคที่ทุกอย่างสามารถเก็บเป็นข้อมูล แล้วการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญทั้งสำหรับภาครัฐและเอกชน เพื่อให้องค์กรนั้นสามารถตัดสินใจ รวมถึงวางแผนอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในทริปนี้เราได้เยี่ยมชม “Transwarp Technology (Shanghai) Co., Ltd.” ผู้พัฒนาเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม Hadoop สำหรับการจัดการ Big Data รายแรกของประเทศจีน

อีกทั้งยังมีบริษัท “Shanghai Data Exchange Corp” กับ “Shanghai Cloud Data Co., Ltd.” ผู้นำในด้าน Big Data ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล

อาทิเช่น ข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ การเดินทาง และอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ในด้านต่างๆ

การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น จะทำให้บริษัทได้รู้ข้อมูลที่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการเดินทาง พฤติกรรมการบริโภคอาหาร พฤติกรรมการซื้อสินค้า ความสนใจของผู้คนในสังคมขณะนั้น เป็นต้น

ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือกุญแจสำคัญในการเลือกลงทุน หรือมองหาโอกาสทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต

 

.

.

 

สัมผัสประสบการณ์ Smart City

“Industrial Internet Innovation Center” หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า 3IN ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมหลินกัง ซึ่งพื้นที่นี้จะเหมือนเขตไฮเทคที่สุด สำหรับทดลองนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนที่จะนำไปใช้ในพื้นที่อุตสาหกรรมอื่นต่อไป

เพราะฉะนั้น 3IN จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของภาครัฐ ที่เชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยและบริษัทด้านนวัตกรรมกว่า 200 แห่งในจีน อาทิ Huawei, Tencent หรือ Cisco

ในที่แห่งนี้ เราจะได้พบประสบการณ์สุดพิเศษ สัมผัสกับความล้ำสมัยของนวัตกรรมเทคโนโลยี AI หรือโลกอัจฉริยะที่ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

เช่น รถยนต์ไร้คนขับ โรงงานไร้แรงงานคน เครื่องบินและเรือที่ไร้คนขับ ท่าเรือที่ไม่มีคนงาน และการเกษตรกรรมที่ไม่ต้องใช้แรงงานคน เป็นต้น

 

.

.

 

สัมผัสโลกอนาคตที่จะเต็มไปด้วย Robot และ AI

หลังจากเมืองอัจฉริยะ ต่อมาคือการเข้าไปเปิดโลกทัศน์ให้เห็นการทำงานของ Robot และ AI สำหรับธุรกิจ โดยเริ่มจาก “Xiao-I Co., Ltd.” ผู้นำการพัฒนาและที่ปรึกษาด้าน AI Solutions ให้กับองค์กรธุรกิจต่างๆ

ผลงานของบริษัทนี้ก็เช่น การพัฒนา Chatbot สำหรับโต้ตอบกับลูกค้าออนไลน์ หุ่นยนต์ดูแลผู้ป่วย หุ่นยนต์บริการในโรงแรมครบวงจร ตลอดจนต้นแบบหุ่นยนต์ผู้พิพากษาและแพทย์

อีกบริษัทหนึ่งที่น่าสนใจคือ “Deep Blue Technology (Shanghai) Co., Ltd.”  ที่ก่อตั้งโดยกลุ่มของนักศึกษาปริญญาเอก 5 คน

Deep Blue มองว่าการที่เราจะมีเมืองอัจฉริยะในยุคอนาคตได้นั้น Smart City จะต้องบริหารและจัดการผ่าน AI ได้แทบทุกอย่างก่อน เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น เมืองก็จะต้องประกอบไปด้วยระบบอัตโนมัติ เช่น..

รถบัสไร้คนขับ หุ่นยนต์ให้บริการลูกค้า หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย หุ่นยนต์ส่งของ หุ่นยนต์ดับเพลิง ตู้ขายสินค้าอัจฉริยะ เป็นต้น

ซึ่งการพัฒนาดังกล่าว จะเป็นการผลักดันให้ประชากรและระบบการศึกษา ต้องเร่งพัฒนาขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

 

.

.

 

จากด้านนวัตกรรม มายังธุรกิจร้านค้าอัจฉริยะที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ

เริ่มจากแบรนด์กาแฟที่เราคุ้นหูอย่าง “Starbucks Reserve Roastery สาขาเซียงไฮ้” จุดที่น่าสนใจของสาขานี้ นอกจากจะมีการตกแต่งพิเศษ พร้อมบาร์กาแฟยาว 30 เมตรแล้ว

ยังมีส่วนที่เรียกว่า Roasting Area ที่โชว์การคั่วเมล็ดกาแฟอย่างเต็มระบบ พร้อมใช้ระบบ TAOBAO’s AR แสดงขั้นตอนการผลิตกาแฟให้ดูบนสมาร์ตโฟนแบบเรียลไทม์ จนลูกค้ารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนและมีส่วนร่วมกับร้านมากยิ่งขึ้น

สุดท้ายก็คือ “HEMA Supermarket” ร้านสะดวกซื้อแห่งอนาคตที่สร้างขึ้นโดย Jack Ma ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร Alibaba

ซูเปอร์มาร์เกตแห่งนี้ คือต้นแบบของสิ่งที่เรียกว่า “New Retail” หรือร้านค้าปลีกแบบใหม่ ซึ่งเชื่อมต่อระบบออนไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วยกัน โดยมีตัวกลางคือแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ตโฟน

ลูกค้าจะเข้ามาเลือกซื้อ สแกนดูสินค้าทุกชนิด ก็จะรู้กระทั่งแหล่งที่มาของสินค้านั้นๆ ไม่ใช่เฉพาะแต่สินค้าบรรจุหีบห่อด้วย แต่ยังรวมไปถึง ข้าวสาร ผักสด ผลไม้ รวมถึงอาหารทะเลสดๆ เป็นๆ ก็จะสามารถสแกนได้ทั้งหมด

ลูกค้าสามารถเลือกจ่ายเงินผ่านระบบ Self-Checkout โดยไม่ต้องมีพนักงาน และสแกนเพื่อจ่ายโดยไม่ต้องใช้เงินสด หรือกระทั่งสั่งของออนไลน์เอาไว้ล่วงหน้า แล้วมารับที่ร้านนี้ในเวลาไม่เกิน 30 นาทีอีกด้วย

 

.

.

 

นี่ก็คือทั้งหมดจากทริปศึกษาดูงานบริษัทชั้นนำด้านดิจิทัลเทคโนโลยีในมหานครเซี่ยงไฮ้ถึง 8 แห่ง ซึ่งนับว่าทริปนี้ของกรุงศรีนั้นครบครันและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้

แต่นอกจากความรู้ด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ได้รับแล้ว ตลอดการเดินทางในครั้งนี้ สิ่งที่ได้รับกลับไป คือ การพบเจอ พูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างเจ้าของธุรกิจ รวมถึงผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำจากประเทศจีน เพื่อต่อยอดเครือข่ายทางธุรกิจได้อีกทาง

 

 

ทั้งนี้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมสนับสนุนธุรกิจไทย ให้เติบโต ด้วยบริการ Krungsri Business Empowerment ที่มุ่งให้ข้อมูล ความรู้ และเครือข่ายธุรกิจ ผ่านกิจกรรมและบริการต่างๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น…

– กิจกรรมสัมมนาความรู้ (Business Talk & Business Forum)

– รายงานวิเคราะห์ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ SME ที่มีต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและประเด็นร้อน (SME Index)

– บริการจัดส่งบทวิเคราะห์และข้อมูลข่าวสารทางธุรกิจผ่านทางอีเมล (Business Connect)

– กิจกรรมศึกษาดูงานต่างประเทศ สำรวจตลาด สร้างเครือข่าย (Business Journey)

– แพลตฟอร์มออนไลน์จับคู่ธุรกิจเพื่อ SME (Online Business Matching)

– กิจกรรมจับคู่ธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสเติบโตให้ลูกค้าธุรกิจไทย สู่ตลาดต่างประเทศ (Krungsri – MUFG Business Matching Fair)

ผู้ที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://bit.ly/2Z89I7B

 

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...