Facebook
Twitter
LINE

พูดถึงชื่อ Kevin Systrom และ Mike Krieger คิดว่าหลายคนคงไม่รู้จัก

แต่หากบอกชื่อ Instagram เชื่อว่าทุกคนรู้จักดีแน่ๆ

และชื่อของ 2 คนที่ยกมา ก็คือเพื่อนที่ร่วมกันก่อตั้งแอพแชร์ภาพสุดฮิตนี้

แต่วันนี้พวกเขาเพิ่งประกาศลาออกจากบริษัท

ทำไมจึงตัดสินใจแบบนั้น?? เกิดอะไรขึ้น?? และจะมีผลอย่างไร??

เราจะพาไปย้อนประวัติ และรู้จัก Instagram กันให้มากยิ่งขึ้นครับ..

 

 

เปิดตำนานแอพแชร์ภาพสุดฮิต

ย้อนไปในปี 2010 Kevin Systrom และ Mike Krieger ร่วมกันสร้างแอพที่ได้แรงบันดาลใจจาก Foursquare

แต่แทนที่จะเป็นแอพเช็คอินอย่างเดียว

ตอนนั้นการถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟนเริ่มได้รับความนิยม พวกเขาจึงพัฒนาเน้นในด้านการแชร์รูปภาพ

ผู้ใช้สามารถอัพโหลดภาพในขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใส่ฟิลเตอร์แต่งภาพ

จากนั้นก็ใส่แท็ก  และระบุโลเคชั่นของภาพถ่ายนั้น เพื่ออวดให้กับผู้ติดตามของตนบนโลกออนไลน์

คนอื่นๆ ก็สามารถเลือกดูภาพของคนที่ชื่นชอบ แท็กที่ติดตาม หรือดูภาพจากสถานที่ต่างๆ ได้

ความแปลกใหม่นี้ ทำให้ Instagram ที่ปล่อยออกมา ฮิตมาตั้งแต่ช่วงแรก

ภายในเวลา 2 เดือน มีผู้ใช้งานลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านคน

และภายใน 1 ปี ก็มีผู้ใช้งานแตะระดับ 10 ล้านคนแล้ว!!

 

การเข้าครอบครองของ Facebook!!

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้ใช้เยอะมาก แต่ Instagram กลับไม่สามารถทำกำไรได้เลย

ขณะเดียวกัน มันก็ฮิตมาก ฮิตเสียจนอาจจะกลายมาเป็นคู่แข่งของ Facebook ได้ในอนาคต

นั่นทำให้ Mark Zuckerberg ตัดสินใจเข้าซื้อในเดือนเมษายน ปี 2012

ด้วยเงินสดและหุ้นของบริษัท ซึ่งมีมูลค่ารวมกันกว่า 30,000 ล้านบาท

ย้ำ!! จ่ายเงิน 30,000 ล้านบาทให้กับแอพที่ยังไม่สามารถทำกำไรได้ และไม่รู้จะทำรายได้มากแค่ไหน

จนมีนักวิเคราะห์หลายคนระบุว่าเป็นการลงทุนที่โง่เขลาครั้งหนึ่งของเขา

 

แต่พอเวลาผ่านไป มันกลับดีกว่าที่คิด…

Mark หักปากกานักวิเคราะห์ และได้พิสูจน์ว่านี่คือการลงทุนอันแสนชาญฉลาด

ตอนที่เข้าซื้อนั้น Instagram มีคนใช้งานเฉลี่ยต่อเดือน 35 ล้านคน

ปัจจุบันมีตัวเลขผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อเดือน 1,000 ล้านคน

เท่ากับว่า คน 1,000 ล้านคนนี้ จะเข้ามาใช้งานแอพอย่างน้อยเดือนละครั้ง

(เทียบกับ Facebook อยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านคนต่อเดือน)

 

นอกจากนี้ การได้มาอยู่ภายใต้ร่มเงาของ Facebook ทำให้ทั้งสองแอพต่างก็เติบโตไปด้วยกัน

ได้พึ่งพาอาศัยกัน แชร์พื้นที่โฆษณา และสร้างรายได้ไปด้วยกันอีกด้วย

เพราะหลังจากซื้อเมื่อต้นปี 2013 พอถึงปลายปี Mark ก็เริ่มประกาศจะใช้ระบบโฆษณาบน Instagram ทันที

เริ่มจากการเปิดให้โฆษณาในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะขยายไปทั่วโลก

 

รายได้ย้อนหลังของ Instagram ในช่วง 4 ปีหลังมานี้

ปี 2015 มีรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท

ปี 2016 มีรายได้ประมาณ 60,400 ล้านบาท

ปี 2017 มีรายได้ประมาณ 118,000 ล้านบาท

รายได้จากค่าโฆษณา สามารถโตแบบก้าวกระโดดได้ในทุกปี

และ Mark คาดว่าในปีนี้ จะสามารถทำรายได้ถึง 222,000 ล้านบาทอีกด้วย!!

 

การลาออกของ 2 ผู้ก่อตั้ง!?

หลังจากผ่านช่วงเวลา 8 ปีตั้งแต่เริ่มสร้าง Instagram

ในที่สุด Kevin Systrom และ Mike Krieger ตัดสินใจประกาศลาออกพร้อมกัน

โดยให้เหตุผลผ่านในบล็อกของบริษัทเอาไว้ว่า

“พวกเขาทั้งสองสร้างงานนี้มา 8 ปีแล้ว

จากตอนแรกมีพนักงานแค่ 13 คน ตอนนี้มีพนักงานนับพันคน

แอพที่สร้างขึ้นมา ก็มีคนใช้งานนับพันล้านคนทั่วโลก

การลาออกครั้งนี้ ก็แค่การถอยออกมา เพื่อให้ทั้งสองได้มีโอกาสค้นหาความคิดสร้างสรรค์อีกครั้ง

ทั้งสองอยากจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้แรงบันดาลใจ และโลกใบนี้ต้องการมัน”

 

เพราะว่าถึงจุดอิ่มตัวใช่หรือไม่??

คำตอบในความคิดของผมเองก็คือ… เป็นไปได้

เราได้เห็นเหล่ามหาเศรษฐีหลายคน ที่ยอมลงจากตำแหน่งเพื่อนำเวลาไปใช้ในด้านอื่น ด้านที่พวกเขาต้องการอย่างแท้จริงแทน

สำหรับพวกเขาแล้ว “เงิน” ซึ่งมีมากพอแล้ว ก็ไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่งทุกอย่าง

 

Bill Gates ลงจากตำแหน่งใน Microsoft

ก็เพื่ออุทิศเวลาให้กับมูลนิธิของเขา เพื่อช่วยคนยากไร้ในแอฟริกา และพัฒนาการศึกษาทั่วโลก

 

ไม่นานมานี้ มีข่าว Jack Ma ประกาศแผนงานลงจากตำแหน่ง

ซึ่งปีหน้าเขาก็จะออกจากประธาน Alibaba แล้วไปอุทิศเวลาให้กับการศึกษา และอาชีพครูที่เขารัก

 

กรณีของ Kevin Systrom และ Mike Krieger

การลาออกในครั้งนี้ ก็อาจจะเพื่อทุ่มเทให้กับชีวิตส่วนตัว งานด้านอื่น หรืออาจจะเป็นการสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงโลก

ดังเช่นที่พวกเขาได้เคยสร้าง Instagram ขึ้นมาครั้งหนึ่ง

 

สุดท้าย การที่เราจะเป็นมหาเศรษฐีที่ปล่อยวางเมื่อถึงจุดหนึ่ง เพื่อเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องผิด

หรือไม่ปล่อยวาง ยังคงสนุกกับการทำธุรกิจ สร้างรายได้และพัฒนาสิ่งต่างๆ ไปพร้อมกัน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอีก

 

ในโลกธุรกิจ เราไม่สามารถเอาความคิดตัวเองไปเป็นบรรทัดฐานตัดสินใครได้

“คนที่ปล่อยมันไป” หรือ “คนที่ทำต่อ” ไม่ว่าจะเป็นทางใด พวกเขาก็ได้เลือกทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเองแล้ว…

 

 

ที่มา:

https://instagram-press.com/blog/2018/09/24/statement-from-kevin-systrom-instagram-co-founder-and-ceo/

www.businessinsider.com/instagram-zuckerbergs-biggest-win-so-far-2016-1

https://en.wikipedia.org/wiki/Instagram

www.statista.com/statistics/448157/instagram-worldwide-mobile-internet-advertising-revenue/

www.businessofapps.com/data/instagram-statistics/#3

www.statista.com/statistics/253577/number-of-monthly-active-instagram-users/

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...