Facebook
Twitter
LINE

เมื่อธุรกิจรายย่อยในประเทศอินเดีย กำลังตกที่นั่งลำบากจากมาตรการล็อกดาวน์ #เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร!?

รัฐบาลอินเดีย มีนโยบายล็อกดาวน์ประเทศมาตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม และตามกำหนดเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้

หลายฝ่ายให้ความสนใจการล็อกดาวน์ของอินเดียเป็นอย่างมาก เพราะนั่นคือคำสั่งล็อกดาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับประชากรกว่า 1,300 ล้านคน

ท่ามกลางการตั้งคำถามว่า ชาวอินเดียจะสามารถปฏิบัติตามนโยบายล็อกดาวน์ได้ดีเพียงใด

เพราะตั้งแต่ประกาศล็อกดาวน์ เราจะเห็นการฝ่าฝืนในหลายรูปแบบ ทั้งออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ออกมาหารายได้ หรือกระทั่งยอมเดินเท้ากลับบ้านในภูมิลำเนาตัวเอง เมื่อขนส่งมวลชนหยุดให้บริการ

 

และหลังจากล็อกดาวน์มาประมาณ 1 เดือน ตอนนี้ธุรกิจรายย่อยของอินเดียกำลังลำบาก

ผลการสำรวจล่าสุดจากตัวแทนธุรกิจรายย่อย 13,000 รายในอินเดีย ในเรื่องของสถานการณ์ธุรกิจในปัจจุบัน และแผนงานในอนาคตอันใกล้ พวกเขาให้ความเห็นดังนี้

ประมาณ 7% เซ้งต่อกิจการไปแล้ว

ประมาณ 13% ต้องปิดตัวลงเพราะไปต่อไม่ไหว

ประมาณ 61% มองว่าจำเป็นต้องลดคน-ลดขนาดธุรกิจลงในอนาคต

มีเพียง 13% ที่บอกว่าธุรกิจของตัวเองน่าจะโตได้ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า

 

และเมื่อถามถึงเรื่องสถานะทางการการเงินของธุรกิจ SMEs ในอินเดีย ยิ่งน่าตกใจไปว่า “เกือบครึ่งนั้น” มีเงินเหลือสำหรับในธุรกิจไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้ว

โดยแบ่งเป็น 20% ที่บอกว่าคงมีพอใช้จ่ายหมุนเวียนไม่ถึงเดือน

ขณะที่ 27% ยอมรับเลยว่าธุรกิจตัวเองหมดเงินแล้ว

ส่วนที่เหลืออีกประมาณครึ่งหนึ่งนั้น…

24% บอกว่ามีพอ 1-3 เดือน

23% บอกว่ามีพอใช้ 3-6 เดือน

และเพียง 6% ที่มั่นใจว่าจะมีเงินพอหมุนเวียนไปนานกว่านั้น

 

ปัจจุบัน “ประเทศอินเดีย” มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก ด้วยมูลค่าสูงถึง 92 ล้านล้านบาท

(และประเทศแห่งนี้ยังถูกมองว่า มีสิทธิ์จะขยับแซงเยอรมนี และญี่ปุ่น ขึ้นไปเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐฯ และจีน ในอนาคต)

แต่.. เมื่อเรามองจากรายได้เฉลี่ยของประชากร ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5,800 บาทต่อเดือด น้อยกว่าค่าเฉลี่ยไทยถึง 3 เท่า

บวกกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของความยากจนและปากท้อง จึงน่าสนใจว่ามาตรการของอินเดียในการจัดการกับโควิด-19 จะสามารถฝืนล็อกดาวน์ไปได้อีกนานเพียงใด

และหากจำเป็นต้องหยุดล็อกดาวน์ จะเกิดการแพร่ระบาดอีกครั้ง กลายเป็นคลื่นลูกที่สอง ซึ่งอาจจะรุนแรงกว่าเดิมหรือไม่!?

โดยเฉพาะกับประเทศซึ่งมีประชากร 1,300 ล้านคน นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง…

 

กลับจาก “อินเดีย” ย้อนมามอง “ประเทศไทย”

ธุรกิจขนาดกล่องและย่อย (SMEs) นั้นมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยพอสมควร

เพราะจากข้อมูลในปี 2019 พบว่ามูลค่าธุรกิจของ SMEs นั้น สูงถึง 37% ของ GDP ประเทศไทย

ซึ่งเมื่อเทียบกับ GDP ไทยประมาณ 16 ล้านล้านบาท จะพบว่ามูลค่าของธุรกิจรายย่อยนั้นสูงถึง 5.9 ล้านบาทเลยทีเดียว

แต่ก็เช่นกันกับในอินเดีย วันนี้ธุรกิจรายย่อยในไทยก็บอบช้ำไม่น้อย ทั้งการขายสินค้าไม่ได้ การขาดหายไปของนักท่องเที่ยว รวมถึงการถูกสั่งปิดจากนโยบายภาครัฐ

ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในวิกฤติโควิด-19 นี้แทบทั้งสิ้น

 

แน่นอนว่าเราไม่สามารถรอจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อให้กลับมาเป็น 0 จึงค่อยกลับมา “เปิดเมือง” เพื่อทำให้เศรษฐกิจที่หยุดชะงักกลับมาอีกครั้งได้

(เพราะตัวเลขนั้นจะยังเกิดขึ้นจริงไม่ได้ หากโลกยังคงไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัสนี้โดยเฉพาะ)

ช่วงเวลาอีก 6 เดือน หรือ 1 ปีต่อจากนี้ จึงถือเป็นความท้าทายและบททดสอบครั้งสำคัญว่า “ประเทศไทย” เราจะเดินหน้าไปในทิศทางใด

เราจะสามารถควบคุมความเสียหายด้าน “สาธารณสุข” ไปพร้อมๆ กับการควบคุมความเสียหายด้าน “เศรษฐกิจ” ได้ดีมากแค่ไหน!?

ในสถานการณ์ที่ไม่ว่าจะเลือกทางใด ก็ต้องยอมแบกรับความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้นจากอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน…

 

เมื่อธุรกิจรายย่อยในประเทศอินเดีย กำลังตกที่นั่งลำบากจากมาตรการล็อกดาวน์ #เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร!?รัฐบาลอินเดีย…

โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2020

 

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา:

https://qz.com/india/1846225/indias-coronavirus-lockdown-may-spell-doom-for-startups-smes/

https://www.scbeic.com/th/detail/product/4842

www.prachachat.net/economy/news-444443

 

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...