Facebook
Twitter
LINE

สรุปเข้าใจง่ายๆ โปะเงินผ่อนบ้านทุกเดือน vs โปะก้อนใหญ่สิ้นปี ประหยัดกว่ากันมากน้อยแค่ไหน!?

 

หลายคนทราบดีว่า หนึ่งในเทคนิคการผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้น ก็คือการจ่ายเพิ่มเข้าไปมากกว่าค่างวดที่เราจ่ายปกติ หรือที่เรียกว่า “โปะ” นั่นเอง

เพราะสินเชื่อบ้านส่วนใหญ่จะเป็นแบบลดต้นลดดอก เงินที่เราโปะเข้าไปจะหักกับเงินต้นโดยตรง ทำให้ดอกเบี้ยในงวดต่อๆ ไปลดลง และหนี้หมดเร็วขึ้นนั่นเอง

แต่การโปะนั้น ก็นำมาซึ่งคำถามที่ว่า โปะทุกเดือนนั้นประหยัดกว่าโปะรายปีแค่ไหน?? เราเลยอยากจะลองคำนวณ เพื่อยกตัวอย่าง มาหาคำตอบกันครับ…

กรณีศึกษาจากหนี้บ้าน 3,000,000 บาท กำหนดดอกเบี้ยคงที่ 5% ตลอดระยะเวลาผ่อน 30 ปี

เท่ากับว่าเราจะต้องจ่ายค่างวดอยู่ที่ประมาณ 16,105 บาท

(ในช่วงแรกที่เราผ่อนนั้น ส่วนใหญ่จะไปลงกับดอกเบี้ยเสียมากว่า จนกระทั่งผ่อนไปเรื่อยๆ เงินต้นลดลง ดอกเบี้ยก็จะเสียน้อยลงเรื่อยๆ )

 

– ทางเลือกแรก ผ่อนเดือนละ 16,105 บาท

ใช้เวลา 30 ปีหรือ 360 งวด หนี้ก็จะหมด รวมดอกเบี้ยจ่ายทั้งสิ้น 2,797,507 บาท

 

– ทางเลือกที่สอง โปะเพิ่มเดือนละ 2,000 บาท

จะใช้เวลา 23 ปี 6 เดือน หรือ 282 งวด รวมดอกเบี้ยจ่ายทั้งสิ้น 2,105,480 บาท

 

– ทางเลือกที่สาม โปะปลายปีทีเดียว 24,000 บาท

จะใช้เวลา 23 ปี 9 เดือน หรือ 285 งวด รวมดอกเบี้ยจ่ายทั้งสิ้น 2,129,893 บาท

 

 

แบบนี้ก็ชัดเจนรึเปล่า ว่าการโปะทุกเดือนนั้นให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า!?

คำตอบก็คือ ใช่.. แต่ก็ไม่จริงทั้งหมดครับ

เนื่องจากอย่างที่ทราบกันว่า ดอกเบี้ยบ้านนั้นเป็นแบบลดต้นลดดอก และดอกเบี้ยก็วิ่งทุกวัน เพราะฉะนั้นยิ่งโปะเร็ว ก็จะยิ่งลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าการโปะช้า

หรือพูดง่ายๆ จากตัวอย่าง ว่าในจำนวนเงินที่เท่ากัน 24,000 บาทต่อปี ระหว่างการจ่ายปีละครั้ง กับการแบ่งจ่าย 12 เดือน แบบจ่ายทุกเดือนจะทำให้หนี้หมดเร็วกว่า

ยิ่งเราเพิ่มจำนวนเงินที่โปะไปแต่ละเดือนเข้าไปในการคำนวณ ก็จะยิ่งเห็นผลที่แตกต่างกันมากยิ่งขึ้นด้วยครับ

 

แต่.. ต้องอย่าลืมว่า การโปะทุกเดือนแม้จะหมดเร็วกว่าในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติจริง คนเรามีไลฟ์สไตล์ มีรายได้ มีรูปแบบการใช้เงินที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งการผ่อนบ้านที่ดี ก็ควรผ่อนให้ตัวเองไม่เดือดร้อน และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขด้วย

บางคนรายได้ประจำแน่นอน สามารถคำนวณล่วงหน้าว่าจะโปะทุกๆ เดือนได้

บางคนอาจจะทำงานที่มีรายได้เป็นสัญญางวดๆ หรือรอโบนัสปลายปีมาโปะ ก็วางแผนโปะเป็นรายปี เพื่อไม่ให้กระทบการใช้ชีวิต

หรือบางคนเลือกที่จะไม่โปะบ้าน เป็นหนี้ไป 30 ปีเพราะมองว่าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องค่างวด สามารถนำเงินไปลงทุนอย่างอื่น หรืออนาคตอย่างไรบ้านก็ขายได้แพงขึ้น นั่นก็ไม่ผิดเช่นกัน

เพราะฉะนั้น อย่าลืมที่จะคิดและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของแต่ละคน จะเป็นเรื่องดีที่สุด…

 

 

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...