Facebook
Twitter
LINE

คราวก่อนเราได้เล่าเรื่องราวของ DoHome หรือ Global House ให้ได้อ่านกันแล้ว

ธุรกิจทั้งสองนั้นมีความคล้ายคลึงกันตรงที่ เกิดจากเจ้าของธุรกิจรายย่อย ค่อยๆ ขยายกิจการไประดับประเทศได้สำเร็จ

(แถมยังมาจากภาคอีสานทั้งสองธุรกิจด้วย)

แต่ถ้าพูดถึง HomePro นั้นจะค่อนข้างแตกต่างกันออกไปพอสมควร

เพราะจะว่าไปแล้ว นี่คือธุรกิจที่ตั้งใจจะเป็น “ยักษ์ใหญ่” ของวงการค้าปลีกของเกี่ยวกับบ้านมาตั้งแต่ต้นแล้ว

และในที่สุด พวกเขาก็สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้จริงๆ อีกด้วยครับ…

 

จุดกำเนิดของ HomePro

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2521 ที่สหรัฐฯ มีการเปิดร้าน Home Depot ที่ขายสินค้าเกี่ยวกับบ้านโดยเฉพาะ

ปรากฏว่าธุรกิจนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ว่าภายใน 3 ปีหลังเปิดกิจการ ก็เอาเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ

และหลังจากเข้าตลาดหุ้นเพียง 15 ปี ราคาหุ้น Home Depot ก็เพิ่มขึ้นสูงถึง 500 เท่า!!

 

วกกลับมายังประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2538

บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และ บริษัท ควอลิตี้เฮ้า ซึ่งทั้งสองได้ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว มองเห็นโอกาสที่ได้เปรียบทางธุรกิจ 2 ข้อ

ข้อแรก การมีร้านขายวัสดุเกี่ยวกับบ้านของตัวเอง ทำให้ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้าน มีราคาถูกลง

ข้อสอง ธุรกิจร้านขายปลีกของแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง และซ่อมแซมครบวงจร ยังมีโอกาสเติบโตสูงในไทย

ทั้งสองบริษัทจึงจับมือก่อตั้งบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ ขึ้นมา

แล้วในที่สุด HomePro สาขาแรกในประเทศไทย ก็เปิดบริการแถวรังสิต ในปี พ.ศ. 2539

 

HomePro เปิดในช่วงก่อนวิกฤติต้มยำกุ้งพอดี ซึ่งต้องเจอกับการหดตัวของ GDP ประเทศไทยติดต่อกันถึง 2 ปี ขนาดที่ -2.7% และ -7.6%

แต่เมื่อบริษัทผ่านพ้นวิกฤติไปได้ หลังจากนั้นก็คือช่วงเวลาของ “โอกาสในการเติบโต”

หลังจากต้มยำกุ้งผ่านไป ประเทศเริ่มฟื้นตัวจากธุรกิจท่องเที่ยวและส่งออก หลายคนเริ่มมีรายได้เพิ่มมากขึ้น นำมาซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัย

เมื่อคนต้องการที่อยู่อาศัย สินค้าทั้งวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้าน ก็ย่อมขายได้ดีตามไปด้วย

HomePro เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเข้าตลาดหุ้นได้ในปี พ.ศ. 2544

 

ถ้าถามว่าตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ HomePro โตขึ้นมากแค่ไหน!?

จากสาขาแรกที่ย่านรังสิต ปัจจุบัน HomePro ขยายกิจการออกไปทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยแบ่งออกเป็น

– HomePro ในประเทศไทย 93 สาขา

– HomePro ในประเทศมาเลเซีย 6 สาขา

– Mega Home ในประเทศไทย 14 สาขา

 

ในส่วนของรายได้

ปี พ.ศ. 2544 บริษัทมีรายได้ประมาณ 3,200 ล้านบาท ทำกำไร 85 ล้านบาท

อีกสิบปีต่อมา พ.ศ. 2554 บริษัทมีรายได้ประมาณ 28,000 ล้านบาท ทำกำไร 2,000 ล้านบาท

และล่าสุด พ.ศ. 2562 บริษัทมีรายได้ประมาณ 67,000 ล้านบาท ทำกำไร 6,000 ล้านบาท

รายได้เติบโตขึ้นมากว่า 20 เท่า ในขณะที่กำไรของธุรกิจนั้นเติบโตมากกว่าถึง 70 เท่า

 

ทำให้เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย จะพบว่า HomePro ก็ยังคงยืนหนึ่งในธุรกิจร้านขายปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านแบบครบวงจรได้

เพราะในปัจจุบันนี้ HomePro มีมูลค่ากิจการประมาณ 200,000 ล้านบาท

ขณะที่รายอื่นไม่ว่าจะเป็น Global House ซึ่งมีมูลค่ากิจการ 72,000 ล้านบาท หรือ DoHome มีมูลค่ากิจการ 20,000 ล้านบาท

ซึ่งมูลค่ากิจการ HomePro นั้น ก็สามารถขึ้นไปเทียบชั้นกับ Makro ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ได้เลยทีเดียว

 

สุดท้ายนี้ รู้หรือไม่ว่า..!?

ถ้าคุณซื้อหุ้น HomePro ตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น แล้วถือหุ้นมาจนถึงวันนี้ เป็นเวลาประมาณ 14 ปี

คุณจะได้กำไรประมาณ 74 เท่า  คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ยปีละถึง 25%

(และนั่นยังไม่รวมปันผลที่บริษัทจ่ายในแต่ละปีอีกด้วย!!)

ซึ่งเป็นผลตอบแทนทางการลงทุนที่สูงมาก สูงระดับเดียวกับ Warren Buffett, Benjamin Graham หรือพอๆ กับ Peter Lynch ยอดนักลงทุนในตำนานอีกด้วย

 

คราวก่อนเราได้เล่าเรื่องราวของ DoHome หรือ Global House…

โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2020

 

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา:

http://hmpro-th.listedcompany.com/home.html

https://market.sec.or.th/public/idisc/th/Viewmore/fs-r561?uniqueIDReference=0000003191

https://www.set.or.th/set/companyprofile.do?symbol=HMPRO&ssoPageId=4&language=th&country=TH

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...