Facebook
Twitter
LINE

ไอศกรีม Häagen-Dazs มีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา

โดยเจ้าของชาวโปแลนด์

แต่มีชื่อเป็นภาษาเดนมาร์ก

อ่าว.. ทำไมมันอีรุงตุงนังแบบนี้ งงล่ะสิ??

ไม่ต้องงงครับ เราไปเปิดตำนานไอศกรีมยี่ห้อนี้กัน

 

 

ชีวิตของผู้ให้กำเนิด Häagen-Dazs

เด็กน้อย Reuben Mattus เกิดในโปแลนด์เมื่อปี 1912 แต่พ่อเสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1

คุณแม่เลยพาเขาอพยพไปยังนิวยอร์กเมื่ออายุได้ 9 ขวบ

ครอบครัวไปอาศัยอยู่กับคุณลุง ซึ่งเลี้ยงชีพด้วยการทำไอศครีมเกล็ดน้ำแข็งขาย

ในช่วงอายุ 17 ปี Reuben ได้เรียนรู้การขายของช่วยลุง แล้วคิดทำไอศกรีมขายไปด้วย

เขาก็เลยก่อตั้งธุรกิจ Senator Frozen Products ขายไอศกรีมช็อคโกแลตและไอศกรีมแซนด์วิซ

มีเสียงตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก ผลิตภัณฑ์ของเขาส่งผ่านรถม้าไปขายยังพื้นที่ใกล้เคียง

การทำธุรกิจทำให้เขาได้พบกับ Rose หญิงสาวที่กลายมาเป็นคู่รัก (และผู้ร่วมก่อตั้งในภายหลัง)

สุดท้ายทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1936

สองคนร่วมกันทำธุรกิจเป็นเวลานับสิบปี จนร่ำรวยขึ้นพอสมควร

 

คุณ Rose และ Reuben

 

ก่อตั้งแบรนด์ไอศกรีมพรีเมียม

จนกระทั่งยุค 1950 เกิดการแข่งขันในธุรกิจไอศกรีม รายใหญ่ผลิตออกมาขายและกดราคาให้ต่ำกว่า

นั่นกระทบยอดขายของ Senator เป็นอย่างมาก จนทำให้ทั้ง Reuben และ Rose เกือบจะต้องปิดกิจการ

หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก พวกเขาเห็นว่าสู้ด้านราคากับบริษัทใหญ่ไม่ไหวแน่

ทั่งคู่เห็นตรงกันว่าต้องสร้างแบรนด์ให้เป็นไอศกรีมพรีเมียม

จะได้ไม่ต้องแข่งขันเรื่องราคา… อื้ม แบบนี้สิ!!

จะทำยังไงให้พรีเมียม ก็ต้องใช้วัตถุดิบที่มันดีกว่าเจ้าอื่นๆ ใช่ไหม

แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เพราะลูกค้าก็คงไม่รู้ และบางคนอาจจะคิดว่าไอศกรีมมันก็เหมือนๆ กัน

Reuben เลยตั้งชื่อแบรนด์ใหม่นี้ว่า Häagen-Dazs

เพียงเพราะให้ความรู้สึกว่ามันเป็น “ภาษาเดนมาร์ก” (ทั้งที่จริงมันไม่ใช่ภาษาเดนมาร์ก)

เนื่องจากยุคนั้นเดนมาร์กขึ้นชื่อเรื่องผลิตภัณฑ์นมอันมีคุณภาพมากเป็นอันดับต้นๆ

ลูกสาวของเขามาเปิดเผยในภายหลังว่า

พ่อของเธอนั่งอยู่ในห้องครัว แล้วพูดแปลกๆ ที่ไม่มีความหมายเป็นเวลาหลายชั่วโมง

จนในที่สุดเขาก็พบว่าชื่อนี้แหละ เจ๋งที่สุด!!

ตั้งแต่นั้น ตลาดผู้บริโภคอเมริกัน จึงรับรู้ว่านี่คือไอศกรีมพรีเมียมที่มาจากเดนมาร์ก

 

ในตอนแรก Häagen-Dazs มีแค่ 3 รสชาติคือวานิลลา ช็อคโกแลต และกาแฟ

ไอศกรีมของพวกเขายังใช้วิธีส่งไปขายยังร้านค้าต่างๆ ในเมืองใกล้เคียง

ใช้จุดขายด้วยวัตถุดิบจริง 100% ไม่ใส่สารแต่งกลิ่น และใช้เทคนิคพิเศษเพื่อให้มีฟองอากาศในไอศกรีมน้อยที่สุด

แถมยังวางตัวเองให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าแบรนด์อื่น

ไม่ลดราคาลงมาสู้ กับหลายๆ เจ้า ที่ต่างห้ำหั่นกันแข่งในเรื่องราคาถูกและปริมาณมาก

ยิ่งทำให้ลูกค้ารับรู้ไปเองว่าการได้กิน Häagen-Dazs เปรียบเหมือนกับการได้ใช้ iPhone ในยุคนี้

ต่อมาในปี 1976 ก็ได้เปิดร้านไอศกรีมสาขาแรกในเมืองนิวยอร์ก

ก่อนจะขายแฟรนไชส์ไปยังที่อื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา

 

ร้าน Häagen-Dazs สาขาแรก

 

การก้าวสู่แบรนด์ไอศกรีมระดับโลก

เมื่อปี 1983 บริษัท Pillsbury ได้เข้าซื้อกิจการไอศกรีม Häagen-Dazs

หลังจากนั้น General Mills ก็เข้าซื้อ Pillsbury อีกทีในปี 2001

การที่องค์กรถูกบริหารโดยบริษัทอาหารระดับโลก นั่นทำให้แบรนด์มุ่งสู่ระดับโลกด้วยเช่นกัน

ไอศกรีมแบรนด์ดังถูกผลิตและส่งขายไปกว่า 54 ประเทศทั่วโลก

โดยส่วนใหญ่จะผลิตที่โรงงานของ General Mills ในประเทศฝรั่งเศส

ส่วนการผลิตในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา นั้นถูกส่งต่อไปเป็นสิทธิ์ของ Nestlé แทน

(โดยที่ General Mills ยังคงถือสิทธิ์ชื่อแบรนด์อยู่)

 

Häagen-Dazs ขายดีมากแค่ไหน??

นิตยสารฟอร์บส์ รายงานในปี 2015

ว่าไอศกรีม Häagen-Dazs สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 68,500 ล้านบาท เป็นอันดับสองของโลก

ซึ่งที่หนึ่งนั้นก็คึอ Magnum ซึ่งทำยอดขายได้ 82,000 ล้านบาท

 

ขณะที่ในประเทศไทย บริษัท เอชดี ดิสทริบิวเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย

รายได้ในช่วงหลังของบริษัท ก็สามารถสร้างยอดขายได้ปีละกว่า 300 ล้านบาท

ปี 2557 รายได้ประมาณ 325 ล้านบาท กำไร 18 ล้านบาท

ปี 2558 รายได้ประมาณ 343 ล้านบาท กำไร 16 ล้านบาท

ปี 2559 รายได้ประมาณ 389 ล้านบาท กำไร 6.2 ล้านบาท

ปี 2560 รายได้ประมาณ 350 ล้านบาท กำไร -51 ล้านบาท

 

เรียนรู้อะไรจาก Häagen-Dazs ??

เราได้เห็นการพยายามปรับตัวของ Reuben ในหลายสถานการณ์

ตั้งแต่เดิมที่ลุงของเขาทำแค่ธุรกิจขายน้ำแข็งไส ก็นำไอศกรีมเข้าไปขายควบคู่ เรียกว่ามีหัวการค้าตั้งแต่เด็ก

พอขายดี ก็ขยายกิจการไปยังเมืองอื่นๆ ไม่หยุดอยู่กับที่

เข้าสู่ช่วงถดถอย โดนบริษัทใหญ่ที่ทุนหนามาแข่ง ก็ไม่สู้ด้วยราคา ที่รู้ว่าตัวเองสู้ไปก็แพ้

ไปสร้างแบรนด์ใหม่ เน้นขายความพรีเมียมและคุณภาพ

แถมมีกลเม็ดเด็ดในการตั้งชื่อแบรนด์ แบบที่ใครก็คาดไม่ถึง

 

ความเฉลียวฉลาด รู้จักเอาตัวรอดนี้เอง คือสิ่งที่จะแบ่งแยกระหว่างคนทำธุรกิจธรรมดาๆ คนล้มเหลว และคนประสบความสำเร็จ

ต้องยกย่องความสามารถของผู้ให้กำเนิดอย่าง Reuben Mattus

ว่าเขานี่แหละ เป็นนักธุรกิจหัวดีคนหนึ่งเลย….

 

 

ที่มา:

https://en.wikipedia.org/wiki/H%C3%A4agen-Dazs

https://en.wikipedia.org/wiki/Reuben_and_Rose_Mattus

www.ukessays.com/essays/marketing/haagen-dazs-a-successful-ice-cream-brand-marketing-essay.php

https://metro.co.uk/2017/11/21/6-reasons-why-haagen-dazs-is-way-better-than-ben-jerrys-7085334/

http://datawarehouse.dbd.go.th/bdw/est/details4.html?jpNo=0105537038021

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...