Facebook
Twitter
LINE

รู้จักหุ้นกลุ่ม FAANG รึเปล่าครับ??

นี่ไม่ใช่ชื่อของหุ้นตัวเดียวแบบ PTT (ปตท.) หรือ SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์) อย่างที่เราคุ้นเคยกันในตลาดหุ้นไทย

แต่คือชื่อเรียกกลุ่มหุ้นผู้นำในด้านเทคโนโลยีของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบไปด้วย

Facebook, Apple, Amazon, Netflix และ Google

แต่.. วันนี้เหล่าผู้นำกำลังมีปัญหา เมื่อราคาหุ้นของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

จนกระทั่งถึงตอนนี้ มูลค่าทางตลาดของทั้ง 5 บริษัท หายไปแล้วกว่า 32 ล้านล้านบาท!!

นี่จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่นักลงทุนพากันจับตามองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่??

 

ถ้าคุณซื้อเมื่อตอนต้นปี หุ้นแต่ละตัวจะมีผลตอบแทนเท่าไรบ้าง…??

 

ราคาที่ตกลง ทำให้มูลค่าบริษัทหายไป…

โดยปกติการคิดมูลค่าทางตลาดของบริษัทในตลาดหุ้น จะคิดจากการนำราคาหุ้น มาคูณกับจำนวนหุ้นที่มีอยู่

สมมติว่าราคาหุ้นบริษัทเราซื้อขายกันที่หุ้นละ 10 บาท มีทั้งหมด 10 ล้านหุ้น

นั่นเท่ากับว่าบริษัทเราถูกมองว่ามีมูลค่าทางตลาดสูงถึง 100 ล้านบาทนั่นเอง

ซึ่งถ้าราคาหุ้นขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าทางตลาดมากขึ้น และเป็นสัญญาณถึงการเติบโตของบริษัทในอีกทางหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นที่ลดลง ก็ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทลดลงตามไปด้วย

แถมเป็นสัญญาณที่อาจจะบอกเราว่า นักลงทุนกำลังกังวลกับอนาคตของ “บริษัท” หรือไม่ก็ “ตลาดหุ้น” อยู่ก็เป็นได้…

 

บริษัทไหนหายไปเท่าไรบ้าง??

หากวัดจากมูลค่าของบริษัทเหล่านี้ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา แล้วเทียบว่าปัจจุบันมูลค่าบริษัทตกลงไปจากจุดสูงสุดเท่าไร

จะพบว่า Amazon มูลค่าบริษัทลดลงไปมากที่สุดกว่า 9 ล้านล้านบาท จากจุดสูงสุดในช่วงเดือนกันยายน

ขณะที่บริษัทอื่นๆ ก็ไม่แพ้กัน Apple และ Facebook มูลค่าลดลง 8 ล้านล้านบาท

Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) มูลค่าลดลง 5.3 ล้านล้านบาท

และ Netflix มูลค่าลดลง 2 ล้านล้านบาท

ข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ มูลค่าทั้งหมดที่หายไปกว่า 30 ล้านล้านบาทนี้ เกิดขึ้นภายในเวลาประมาณ 5 เดือนเท่านั้น!!

 

เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ พบว่า Facebook ตกจากราคาสูงสุดไปถึง 40%

 

เพราะอะไรกัน..??

แต่ถ้าเราลองวิเคราะห์จากปัจจัยต่างๆ พอจะคาดเดาสาเหตุคร่าวๆ ว่า..

 

เพราะความคาดหวังสูงเสียดฟ้า…

หุ้นเทคโนโลยีหลายตัวถูกให้ความคาดหวังสูงมาก

ยกตัวอย่างเช่น Netflix ที่ซื้อขายกันด้วยค่า P/E 150 เท่า

อธิบายเรื่อง P/E อย่างง่ายๆ ว่า ถ้าซื้อหุ้นตัวนี้ แล้วหวังจะได้กำไรคืนจนเท่ากับเงินที่ลงทุน ก็ต้องใช้เวลา 150 ปี

นั่นหมายถึงนักลงทุนคาดว่า Netflix จะทำกำไรในระดับก้าวกระโดดได้ในอนาคต

สมมติว่าทำกำไรเพิ่มขึ้นมา 2 เท่า ระยะเวลาคืนทุนก็จะเหลือ 75 ปี

ทำกำไรเพิ่มขึ้นมา 10 เท่า ระยะเวลาคืนทุนก็จะเหลือเพียง 15 ปี ซึ่งถ้าซื้อไว้ตอนนี้ อนาคตข้างหน้าทำได้แบบนั้นจริงๆ ราคาหุ้นก็จะยิ่งปรับตัวขึ้นไปจนได้กำไรอีก

นี่เป็นการยกตัวอย่าง ซึ่งไม่ได้บอกว่าหุ้น Netflix ไม่ดีนะครับ

แต่เมื่อเกิดปัญหาด้านการเงินขึ้นมา เหล่าหุ้น P/E สูงๆ มักจะโดนเทขายออกมาก่อนเช่นกัน

ซึ่งนั่นทำให้กลุ่มเทคโนโลยีที่เป็นกลุ่ม P/E สูงแทบทั้งสิ้น ราคาปรับตัวลดลงไปตามๆ กันตามตลาดหุ้นที่ตกไปด้วย

 

ตลาดหุ้นอเมริกา ถึงคราวพักเบรกแล้วหรือ??

เพราะตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอเกอร์เมื่อปี 2008

หลังจากนั้นเป็นต้นมาตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็วิ่งขึ้นแบบแทบจะไม่หยุดมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว

การที่ตลาดหุ้นปรับตัวรอบนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนก็มองว่าเป็นการพักตัวธรรมดา

ขณะที่บางส่วนก็มองว่าอาจจะเป็นสัญญาณของวิกฤตรอบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

โดยเสริมด้วยเหตุผลในข้อถัดไปนั่นคือ…

 

ปัญหาเศรษฐกิจโลก ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน ต่างได้รับผลกระทบ

ตลาดสำคัญของโลกใบนี้อย่าง “จีน” ที่มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน เริ่มเจอปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

เมื่อการบริโภคในตลาดจีนหดตัว ย่อมส่งผลมาถึงบริษัทไอทีในสหรัฐอเมริกา ที่ขายของให้ลูกค้าจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ ปัญหาด้านสงครามภาษีระหว่างสหรัฐ-จีน ก็กลายมาเป็นอุปสรรคในการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองชาติ (แม้แต่ละฝ่ายจะทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติตนเองก็ตาม)

 

สุดท้ายแล้ว.. ไม่มีใครบอกได้แน่นอน 100% ว่าการที่ตลาดหุ้นขึ้นหรือตกลงนั้น เกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่?

(เพราะถ้าเขาบอกได้แน่ๆ เขาคงไม่มานั่งบอก เอาเวลาไปซื้อขายทำกำไรคนเดียวดีกว่าใช่ไหมล่ะ)

ราคาที่ลดลงไป จะเป็นโอกาสของคนที่สนใจในหุ้นยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ได้มาเข้าซื้อในราคาที่ถูกลง

หรือจะเป็นสัญญาณของวิกฤตอะไรที่กำลังจะตามมา และส่งผลให้ราคาหุ้นตกลงไปมากกว่านี้

คุณคิดว่าอย่างไรล่ะครับ?? ลองมาแชร์ความคิดเห็นกันครับ…

 

 

ติดตาม Billionaire Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionairethai/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/BillionaireThai

– ถ้าเล่นแต่ไลน์ ก็ส่งบทความให้คุณทุกวันที่ @BillionaireMindset

– ติดตามเพจ Billionaire Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา:

www.cnbc.com/2018/11/20/techs-popular-faang-stocks-have-lost-945-billion-and-counting-from-highs-amid-tech-rout.html

www.businessinsider.com/facebook-apple-amazon-netflix-google-lose-value-of-saudi-arabia-2018-11

www.cnbc.com/2018/11/19/every-faang-stock-is-now-in-a-bear-market.html

www.macrotrends.net/stocks/charts/NFLX/netflix/pe-ratio

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...