Facebook
Twitter
LINE

การระบาดของโควิด-19 ไม่เพียงทำให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ขึ้นเท่านั้น

แต่ยังทำให้ธุรกิจที่เรียกว่า “ตกยุคไปแล้ว” กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง…

 

หลายคนน่าจะรู้จัก “โรงหนังไดรฟ์อิน” ผ่านการดูหนังอเมริกัน ที่ตัวละครวัยรุ่นมักจะขับรถพาแฟนสาวตัวเอง ไปจอดในลานกว้างๆ ซึ่งมีจอหนังฉายอยู่

(คล้ายกับ “หนังกลางแปลง” ของบ้านเรา เพียงแต่เปลี่ยนจากคนนั่งดูกัน มาเป็นรถจอดเรียงกันแทน)

ปรากฏว่าในตอนนี้ทั้งสหรัฐอเมริกา เยอรมนี รวมถึงเกาหลีใต้ด้วย ธุรกิจโรงหนังไดรฟ์อินที่กำลังเสื่อมความนิยม กลับมีคนเข้าใช้บริการขึ้นอย่างชัดเจน

 

นอกจากชาวอเมริกันจะชื่นชอบแล้ว ชาวเกาหลีใต้ก็ชอบเช่นกัน…

 

ย้อนประวัติ Drive-in Theater สักเล็กน้อย..

อันที่จริง นี่คือธุรกิจที่ถือกำเนิดขึ้นในสหรัฐฯ ช่วงยุค 1930 หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจผ่านพ้นไป ชาวอเมริกันก็เริ่มที่จะกลับมาบริโภคกันอีกครั้ง

อย่างที่ว่ากันว่า หลังวิกฤติคือโอกาสของธุรกิจใหม่ ซึ่งเจ้า “โรงหนังไดรฟ์อิน” ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบธุรกิจที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

หลังจากมีโรงหนังเจ้าแรกอย่างเป็นทางการในรัฐนิวเซอร์ซี มันก็ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ มีหลายเจ้าเปิดตามกันมา

แล้วชาวอเมริกันก็ตอบรับกับธุรกิจนี้อย่างดี เพราะว่าการขับรถพาสาวๆ หรือคนในครอบครัวไปดูหนังพร้อมหน้ากัน มันเป็นกิจกรรมที่ให้ “ฟีลลิ่งเฉพาะตัว” แบบที่กิจกรรมอื่นให้ไม่ได้อีกด้วย

 

ปี 1958 ถูกระบุว่าเป็นจุดสูงสุดของธุรกิจโรงหนังไดรฟ์อิน มีลานดูหนังมากถึง 4,063 แห่งในสหรัฐฯ

และหลังจากนั้น เมื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างทีวีเข้าถึงทุกบ้าน พร้อมกับการที่คนเริ่มย้ายถิ่นฐานเข้าสู่สังคมเมืองใหญ่ในช่วงตั้งแต่ 1960 เป็นต้นมา

เมื่อคนเมืองมากขึ้น ที่ดินก็ราคาแพงขึ้น แถมเริ่มมีการเปิดโรงภาพยนตร์ในเมืองมากขึ้นอีก

เจ้าของหนังก็อยากเข้าไปฉายในโรง เพราะโรงหนังธรรมดาให้เงินดีกว่า ส่วนเจ้าของโรงหนังก็สามารถจ่ายได้แพงกว่า เพราะสามารถทำเงินได้คุ้มค่ากว่าการเปิดในลานกว้างๆ นอกเมือง

โรงหนังไดรฟ์อิน เริ่มต้องปรับตัวไปฉายหนังเก่า แบบนั้นก็ไปชนกับธุรกิจเช่าวิดีโอแทน ซึ่งคนก็สามารถเช่าไปดูที่บ้านได้อย่างสะดวก

ถึงตอนนี้ธุรกิจโรงหนังไดรฟ์อิน ไม่มีอะไรจะไปสู้กับธุรกิจรูปแบบอื่นได้เลย นอกจาก “บรรยากาศดูหนังแบบเฉพาะตัว” ที่การดูหนังรูปแบบอื่นๆ ให้ไม่ได้

ซึ่งบรรยากาศดังกล่าว ก็ขายได้น้อยลงทุกๆ วัน ส่งผลให้รายได้ของโรงหนังเหล่านี้ ลดน้อยลงตามไปด้วย

เมื่อมันไม่ได้เป็นธุรกิจทำเงินอีกแล้ว ธุรกิจโรงหนังไดรฟ์อินก็ทยอยปิดตัวไป

จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่ปี 1995 มาจนถึงปัจจุบัน ตัวเลขโรงหนังไดรฟ์อิน ในสหรัฐฯ ลดลงมาเกือบครึ่งหนึ่ง จากตัวเลข 593 แห่ง เหลือเพียง 321 แห่งเท่านั้น

จำนวนโรงหนังไดรฟ์อินในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงมาตลอด

 

อย่างไรก็ตาม ถึงรูปแบบการดูหนังในรถจะได้รับความนิยมกลับขึ้นมาในช่วงนี้

แต่เรื่องที่ธุรกิจนี้จะกลับมาบูมอีกครั้ง คงเป็นไปได้ยาก…

แล้วยิ่งอนาคต ซึ่งความบันเทิงเข้าถึงทุกบ้าน ผ่านหน้าจอทีวีหรือโทรศัพท์มือถือ ที่มีผู้ให้บริการสตรีมมิ่งหลายเจ้าพยายามแข่งขันกันอย่างดุเดือด

จนเราอาจจะเห็นหนังใหม่ๆ ย้ายจากโรงภาพยนตร์ไปฉายออนไลน์แทนก็เป็นได้

 

ธุรกิจไดรฟ์อิน ก็เลยเหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ที่ไม่ว่ายังไงก็จะคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ

แม้การระบาดของโควิด-19 จะกระตุ้นให้ดวงอาทิตย์ดวงนี้ ฉายแสงได้มากขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายมันก็จะต้องลับฟ้าไปอยู่ดี

ซึ่งนั่นก็เหมือนกับอีกหลายธุรกิจ ซึ่งแม้จะบริหารให้ดีอย่างไร ถ้าเทรนด์ของโลกเปลี่ยนไปแล้ว ก็ต้องดับลงไปสักวันหนึ่งเช่นกัน…

 

 

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

 

ที่มา:

qz.com/1845772/drive-in-movies-proving-popular-in-pandemic-just-like-70-years-ago/

www.theatlantic.com/photo/2020/03/photos-drive-in-movie-theaters-coronavirus/609028/

en.wikipedia.org/wiki/Drive-in_theater

www.statista.com/statistics/188634/number-of-us-drive-in-cinema-sites-since-1995/

Drive-Ins: How Big Screen Entertainment Survives During COVID-19

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...