Facebook
Twitter
LINE

 

รู้สึกไหมว่าช่วงไม่กี่ปีหลัง กระแสไว้หนวดเครากลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง… คุณไม่ได้คิดไปเองหรอก และมันส่งผลกระทบเป็นมูลค่ามหาศาลต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องเช่นกัน

ลองนึกถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ “หนวด” นั่นก็ต้องเป็น “มีดโกนหนวด” ใช่ไหมครับ!?

แล้วมีดโกนหนวดยี่ห้อไหนคุ้นหูคนไทยมากที่สุด หนีไม่พ้น “ยิลเลตต์” อย่างแน่นอน

 

ยิลเลตต์ ลงทุนไปทำการสำรวจเลยว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเนี่ย คุณผู้ชายโกนหนวดลดลงจาก 3.7 ครั้งต่อเหลือ เหลือเพียง 3.2 ครั้งต่อเดือน

มันดูไม่มากมายอะไร แต่ยอดขายของยิลเลตต์ตั้งแต่ปี 2012 ถึง 2017 ลดลงถึง 24%

 

นอกจากจะมีคู่แข่งใหม่เข้ามาในตลาดแล้ว ค่านิยมของ “การไว้หนวด” ก็เปลี่ยนไป

จากช่วง 10-20 ปีก่อน ที่คนไม่โกนหนวดสักอาทิตย์ จะมีภาพลักษณ์เป็นหนุ่มขี้เกียจและดูสกปรก

แต่ปัจจุบัน โดยเฉพาะในวัยอายุต่ำกว่า 45 ปี การไว้หนวดเคราถือว่าเป็นแฟชั่นกระแสใหม่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ในสังคม

ต่อให้คุณไม่โกนหนวดไปออกงานสังคม ถ้าคุณแต่งตัวโอเค หน้าตาผิวพรรณสะอาดสะอ้าน คุณก็ดูดีได้!!

 

ยอดขายใบมีดโกนหนวด ตกลงไปมากแค่ไหน!?

ปี 2016 ยอดขายตกลงจากปีก่อนหน้า -3.9%

ปี 2017 ยอดขายตกลงจากปีก่อนหน้า -7.9%

ปี 2018 ยอดขายตกลงจากปีก่อนหน้า -5.1% ยอดขายลดลงทุกปี

 

พี แอนด์ จี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของยิลเลตต์รายงานว่า

ในปี 2017 ทำยอดขายผลิตภัณฑ์โกนหนวดประมาณ 2,200,000 ล้านบาท

นั่นหมายความว่า เมื่อปี 2016 พวกเขาเคยทำยอดขายได้ 2,400,000 ล้านบาท

มูลค่าที่หายไปประมาณ 200,000 ล้านบาท!!

 

มีดโกนหนวด เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้กำไรสูง แถมคนใช้ไปสักพักก็ต้องเปลี่ยนใบมีดไปใส่กับด้ามอันเดิม ถือว่าเป็นสินค้าซึ่งต้องซื้อซ้ำเป็นประจำ

แต่ถ้าคนไม่โกนหนวด จะทำอย่างไร… ยิลเลตต์จึงต้องปรับตัวเพื่อแก้ปัญหา

1. ลดราคามีดโกนหนวดลงกว่า 12% โดยเฉลี่ย ในช่วงปีที่ผ่านมา

2. ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวกับการดูแลหนวดของท่านชาย เช่น อุปกรณ์ตกแต่งหนวดเครา

3. ทำโฆษณาควบคู่กันไป ทั้งส่งเสริมให้ผู้ชายหันมาดูแลหนวดด้วยผลิตภัณฑ์ของยิลเลตต์ และโฆษณาที่จูงใจให้ผู้ชายกลับมาโกนหนวด เพื่อให้มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาอีกด้วย

 

โฆษณาล่าสุดจากยิลเลตต์ ที่ส่งเสริมการโกนหนวด

 

กรณีศึกษาของยิลเลตต์ ทำให้เราเข้าใจว่าแม้จะเป็นบริษัทที่ใหญ่แค่ไหน แต่หากกระแสของผู้ใช้เริ่มเปลี่ยนไป เราต้องรู้ตัวให้เร็ว และปรับตัวตามให้ทัน

ค่านิยมการไว้หนวด อาจจะเป็นกระแสในช่วง 10 ปีนี้ แล้วสักพักเทรนด์การชอบผู้ชายหน้าเกลี้ยงไร้หนวดอาจจะกลับมา เมื่อนั้นมีดโกนก็จะกลับมาขายดีอีกครั้ง แล้วบริษัทก็จะอยู่รอดได้

 

ธุรกิจของเราเองก็เช่นกัน หากมัวแต่ “ถือทิฐิ” คิดว่าเป็นเสือนอนกิน ไม่ยอมปรับตัวตามกระแส คิดว่าเดี๋ยวคนก็คงกลับมาโกนหนวด กลับมาใช้มีดโกนอีกครั้ง

ถ้ามัวแต่รอเฉยๆ เราอาจจะเจ๊งไปก่อนวันที่คนกลับมานิยมโกนหนวดก็ได้ แล้วพอวันนั้นมาถึง เราก็ไม่มีอะไรจะไปขายลูกค้าแล้วนั่นเอง….

 

ที่มา:

www.businessinsider.com

https://money.cnn.com

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...