ปี 2019 วิกฤติของธุรกิจธนาคารจริงหรือ!?
หากคุณลงทุนซื้อหุ้นธนาคารเมื่อต้นปี ด้วยเงิน 1,000,000 บาท โอกาสขาดทุนจะมีสูงกว่าได้กำไรอยู่มาก
และยิ่งคุณเลือกหุ้นไปถูกแจ็คพ็อตพอดี อย่างเช่น
ซื้อธนาคารทหารไทย เงินคุณจะเหลืออยู่ประมาณ 650,000 บาท
ซื้อ 3 ยักษ์ใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย-ไทยพาณิชย์-กรุงเทพ เงินก็จะหายไปราว 200,000-250,000 บาท
ราคาหุ้นของธุรกิจธนาคารกำลังร่วง แสดงว่าเกิดวิกฤติขึ้นงั้นเหรอ?
ปี 2019 วิกฤติของธุรกิจธนาคารจริงหรือ!?หากคุณลงทุนซื้อหุ้นธนาคารเมื่อต้นปี ด้วยเงิน 1,000,000 บาท…
โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2019
คำตอบของคำถามนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเรามองในมุมใด…
เริ่มจากในมุมมองของราคาหุ้น เราต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ปีที่สดใสของกลุ่มธุรกิจ BANK
จากเดิมที่ธุรกิจธนาคารได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจที่มั่นคง ดึงดูดเงินของนักลงทุนเข้ามาซื้อขาย
แต่ในยุคนี้ มันกลับไม่ได้ดึงดูดเงินของนักซื้อขายหุ้นอีกแล้ว
อย่างที่เราจะเห็นได้ง่ายๆ ว่า “ราคาหุ้น” ของธนาคารบางแห่ง น้อยกว่า “มูลค่าทางบัญชี” เสียอีก
ราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี หรือที่เรียกกันว่า P/BV เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ใช้คิดคำนวณว่าหุ้นถูกหรือแพง
ยกตัวอย่างง่ายๆ
ถ้าราคาหุ้น 100 บาท ธุรกิจไม่มีหนี้และมีทรัพย์สิน 100 บาท ค่า P/BV ก็เท่ากับ 1.00
ถ้าราคาหุ้น 200 บาท ธุรกิจไม่มีหนี้และมีทรัพย์สิน 100 บาท ค่า P/BV ก็เท่ากับ 2.00
ถ้าราคาหุ้น 50 บาท ธุรกิจไม่มีหนี้และมีทรัพย์สิน 100 บาท ค่า P/BV ก็เท่ากับ 0.50
ข้อหลังสุดนี้ ถ้าเราซื้อหุ้น ก็เท่ากับว่าเราซื้อทรัพย์สิน 100 บาท ได้ในราคา 50 บาทเท่านั้น.. พอเข้าใจแล้วนะครับ!?
และตอนนี้ สัดส่วน P/BV ของธุรกิจธนาคารรายใหญ่ ก็อยู่ต่ำกว่า 1.00
ซึ่งนั่นเหมือนว่าเรามีโอกาสเป็นเจ้าของธนาคาร ในราคาที่ถูกกว่าเจ้าของธนาคารจริงๆ เสียอีก
แต่… นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่า นักลงทุนไม่สนใจหุ้นเหล่านั้น ทำให้ราคาหุ้นไม่ขึ้นไปไหน และต่ำลงทุกวัน
นักลงทุนกังวลอะไร!? ทำไมเบือนหน้าหนีหุ้นธนาคาร?
เราจะเห็นว่าในโลกยุคเทคโนโลยี มีบทความต่างๆ มากมายที่พูดถึงความเปลี่ยนแปลงของสถาบันการเงิน
ธนาคารที่อยู่มาหลายปี ต้องปรับลดสาขา ปลดพนักงาน ยกเลิกตู้ ATM หรือหันมาออกบริการออนไลน์มากยิ่งขึ้น
นั่นเพราะเมื่อคนสามารถทำธุรกรรมได้ภายในโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว การไปธนาคารก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคที่ธนาคารแข่งกันขายระบบออนไลน์ ทุกอย่างคือ ฟรี ฟรี ฟรีค่าธรรมเนียมกันหมด
เงินส่วนที่ธนาคารเคยได้ในอดีต ก็ได้น้อยลงไปเช่นกัน
ยังไม่นับรวมถึงบริการทางการเงินออนไลน์อีกหลายประเภท ทั้งของบริษัทในไทยและบริษัทต่างชาติ ที่มาดูดเงินเหล่านี้ออกไปอีก
ยิ่งทำให้คนมองว่าธุรกิจธนาคาร กำลังถูกไล่ต้อนจากทุกทาง
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ยังคงมีความหวังกับหุ้นของธนาคาร
เราจะพบว่ากลุ่มธนาคารใหญ่ทั้ง 8 ที่ยกมาในอินโฟกราฟิกภาพนี้ แต่ละธนาคารยังคงสามารถรักษาระดับรายได้และกำไรเอาไว้ได้อย่างที่เคยทำมา
(เว้นเสียแต่ TMB ที่มีสัดส่วนการทำกำไรลดลง และนั่นอาจจะสะท้อนมาในราคาหุ้น ที่ปรับตัวลดไปมากกว่าใครในกลุ่ม)
ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณจากทางผู้บริหารของกลุ่มธุรกิจนี้ สื่อถึงนักลงทุนว่า
“ธุรกิจธนาคารที่มั่นคง” ก็ยังคงรักษาความมั่นคงเอาไว้ได้ แม้ต้องต่อสู้ดิ้นรนขึ้นกว่าเดิมก็ตาม…
แต่เรื่องการลงทุน คือการมองไปยังอนาคต
ที่ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป 5 ปีหรือ 10 ปีข้างหน้า เราอาจจะเห็นธนาคารพลิกเกมกลับมาอีกครั้ง
ธนาคารใหญ่จะงัดไม้เด็ดออกมาสู้กลับได้สำเร็จ กลับมายืนหนึ่งเป็นขวัญใจนักลงทุนได้อีกครั้ง
หรือนักลงทุนในวันนี้จะคิดถึง สุดท้ายแล้วธุรกิจธนาคารจะค่อยๆ เป็นขาลง ตามโลกที่เปลี่ยนไปก็เป็นได้..
คุณคิดว่าอย่างไรครับ!?
Advertisement