Facebook
Twitter
LINE

เด็กวัย 17 ปี ผู้ลาออกจากมหาลัย เดิมพันทุกอย่างกับบริษัทตัวเอง แล้วกลายมาเป็นเศรษฐีแสนล้าน!!

 

สำหรับคนไม่อยากอ่าน รับชมแบบคลิปวิดีโอได้ที่

 

Austin Russell เกิดเมื่อปี 1995 เขามาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ติดตัวอย่างหนึ่งก็คือ “การเป็นเด็กชอบเรียนรู้”

แล้วก็ฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่อายุเพียงแค่ 2 ขวบ ในขณะที่หลายคนยังพูดหรืออ่านได้ไม่คล่อง แต่เด็กน้อยคนนั้นสามารถท่องจำตารางธาตุได้ทั้งหมด

ประกอบกับการที่ได้สัมผัสคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาหลงรักการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก

ยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งฉายแววความอัจฉริยะออกมา ไม่ว่าจะเป็น..

การทำระบบรดน้ำต้นไม้อัจฉริยะ ที่ตั้งเวลา และรีไซเคิลน้ำใต้ดินได้ เพียงเพราะเบื่อที่จะต้องออกไปรดน้ำในสวนทุกๆ วัน

หรือการที่ดัดแปลงเครื่องเกม Nintendo DS ให้กลายเป็นสมาร์ตโฟน หลังจากพ่อแม่ไม่ซื้อสมาร์ตโฟนให้ในวัย 11 ขวบ

 

จนกระทั่งอายุ 15 ปี เด็กหนุ่มในวัยมัธยมปลาย ได้รู้จักเทคโนโลยีที่เรียกว่า “LiDAR”

มันเป็นชื่อของเทคโนโลยีที่ใช้แสง วัดระยะทางของวัตถุ จุดประสงค์ก็เพื่อศึกษาสภาพพื้นผิว นำไปสู่การสร้างแผนที่สามมิติเสมือนจริงขึ้นมา

มันจึงถูกนำไปใช้ในรถยนต์ไร้คนขับ เพื่อระบุตำแหน่งต่างๆ ของวัตถุโดยรอบ และทำให้รถขับไปได้อย่างถูกต้องปลอดภัย

ปรากฏว่ายิ่งศึกษา เขาก็ยิ่งลุ่มหลงกับมัน นำไปสู่การเลือกเข้าเรียนสาขาฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัย Stanford

 

Austin Russell และระบบ LiDAR ของบริษัทเขา

 

แต่เพียงแค่ปีแรกของการเรียน โปรเจคต์การพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับด้วย LiDAR นั้น ก็ถูกใจกรรมการ คว้ารางวัลทุนสนับสนุนกว่า 3 ล้านบาท

(ซึ่งเจ้าของทุนนั้นก็คือ Peter Thiel มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยี และผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal กับ Elon Musk นั่นเอง

แล้วก็ดันเป็นตา Elon ที่ไม่ชอบระบบ LiDAR แต่เลือกใช้ Radar มาใช้กับรถ Tesla ของเขาอีกด้วย)

 

การคว้ารางวัลในครั้งนั้น ทำให้ Austin ตัดสินใจได้ว่า “ถึงเวลาเอาจริง!!”

เขาลาออกจากมหาวิทยาลัย มาก่อตั้ง Luminar Technologies ซึ่งนั่นคือการเดิมพันครั้งสำคัญของเด็กหนุ่มวัย 17 ปีคนนี้เป็นอย่างมาก

ในเรื่องของการแข่งขัน เขาคือเด็กใหม่ซึ่งต้องเอาบริษัทไปแข่งกับอีกสองบริษัทในวงการ ซึ่งได้แก่

Velodyne ที่ขายระบบให้กับ Ford, Volvo และ Mercedes-Benz

Innoviz ซึ่งบริการให้กับ BMW และค่ายรถจากจีนบางราย

 

 

จากปี 2012 ที่เริ่มก่อตั้งธุรกจ Austin ต้องเรียนรู้ ปรับปรุง พัฒนาความสามารถของระบบ LiDAR ของบริษัทตัวเอง

และกว่าที่มันจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ ก็กินเวลาถึง 5 ปีเต็มๆ

ในปี 2017 นั้น Luminar ได้รับการติดต่องานจาก Toyota เพื่อนำระบบไปใช้กับรถยนต์ไร้คนขับ ที่ค่ายญี่ปุ่นซุ่มพัฒนาอยู่

จากนั้นไม่กี่เดือน ค่ายสวีเดน Volvo ก็ติดต่อเพื่อใช้บริการ

และด้วยความที่ Volvo มีบริษัทแม่เป็นค่ายรถยนต์จีน Geely ซึ่งจีนเองก็กำลังต้องการองค์ความรู้ในเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ จึงทำให้เกิดพันธมิตรทางธุรกิจตามมาอีกหลังจากนั้น

 

หลังจากเปิดบริษัทมานานกว่า 8 ปี มีการระดมทุนแบบปิดไปหลายครั้ง รวมถึงการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น

จนกระทั่งในวันที่ 3 ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา บริษัท Luminar Technologies ก็ได้ฤกษ์ซื้อขายอย่างเป็นทางการในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

มูลค่าของบริษัทระบบรถไร้คนขับ พุ่งขึ้นเป็นกว่า 300,000 ล้านบาทในวันนั้น

และส่งผลให้ผู้ก่อตั้งในวัย 25 ปี กลายเป็นเศรษฐีซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินราวๆ 100,000 ล้านบาทโดยทันที

 

 

ถึงแม้ปัจจุบัน เมื่อพูดถึง Luminar Technologies อาจจะไม่ติดหูใครหลายๆ คน

แต่ไม่แน่ว่าในอนาคต เมื่อโลกก้าวสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเต็มตัว

ในยุคที่ค่ายรถใหญ่หลายๆ แห่ง ต่างก็ต้องการระบบรถยนต์ไร้คนขับที่ดีที่สุด มาใส่กับรถของตัวเอง

ถึงเวลานั้น ลูกค้าของ Luminar อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

และชื่อของ Austin Russell อาจจะขึ้นติดทำเนียบมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกก็เป็นได้…

 

ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่

 

ที่มา:

www.bloomberg.com/news/articles/2020-08-24/thiel-backed-startup-luminar-to-go-public-in-3-4-billion-merger

www.reuters.com/article/luminiar-gores-metro/luminar-technologies-becomes-public-company-as-lidar-race-builds-idUSL1N2IJ00F

www.forbes.com/profile/austin-russell/?sh=6a0bcc376aa8

www.entrepreneur.com/article/361130

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...