ถ้าคุณลงทุนกับสินทรัพย์เหล่านี้ เมื่อ 10 ปีก่อน จะได้ผลตอบแทนต่อปีมากแค่ไหน!?
ข้อมูลน่าสนใจ:
– สินค้าแฟชั่นอย่างกระเป๋า Chanel Classic Flap ที่มีราคาขายมือสองเฉลี่ยประมาณ 3,900 ดอลลาร์เมื่อสิบปีก่อน ปัจจุบันราคาก็ขึ้นมาเป็น 5,800 ดอลลาร์
ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณ 4.05% พอๆ กับตลาดหุ้นของไทยอีกด้วย
– เพราะแม้ตลาดหุ้นไทยจะเคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดถึง 1,850 จุดในปี 2018 แต่หลังจากนั้นก็ตกลงมาอยู่ที่ระดับ 1,340 จุดในปัจจุบัน
ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา อยู่ราวๆ 4.68% ต่อปีเท่านั้น
– ตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งเต็มไปด้วยหุ้นของธุรกิจเทคโนโลยีที่มาแรง สร้างผลตอบแทนย้อนหลังได้ในระดับสูงกว่า 16% ต่อปี
ซึ่งนั่นยังมากกว่าการซื้อหุ้นบริษัท Berkshire Hathaway ของยอดนักลงทุน Warren Buffett ที่ให้ผลตอบแทนราวๆ 9% ต่อปีอีกด้วย
(จึงไม่ต้องแปลกใจ ที่ช่วงหลังจะเห็นบทความจากสื่อต่างประเทศ บางครั้งตั้งคำถามว่าหมดยุคของปู่ Warren ไปแล้วหรือยัง)
แล้วคุณเองล่ะครับ คิดว่าการลงทุนในทรัพย์สินไหน จะสร้างผลตอบแทนได้ดีในอีก 10 ปีข้างหน้าอีกบ้าง+ฦ
[พื้นที่ประชาสัมพันธ์]
เพราะการลงทุนหุ้นต่างประเทศก็มีความเสี่ยงสูง ถ้าขาดความรู้ก็อาจจะหมดตัวได้ง่ายๆ ส่วนการลงทุนหุ้นไทย ถ้าเลือกหุ้นไม่ดี ก็ได้ผลตอบแทนต่ำอีก
เราเปลี่ยนมาลงทุนกับกองทุน ที่มีผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นให้เราดีไหม!?
เพราะกองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ หรือ TSF สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลังในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้สูงถึง 9.92% ต่อปี
กองทุนนี้จะลงทุนในหุ้น (ตราสารทุน) ไม่น้อยกว่า 80% ในแต่ละปี
นอกจากนั้นก็จะกระจายการลงทุน ไปยังพันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ตราสารหนี้อื่นๆ หรือเงินฝาก
ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ และอาจจะไม่ค่อยมีเวลาติดตามคัดกรองหุ้น ก็จะมีผู้จัดการกองทุนคอยเลือกหุ้นให้นั่นเอง
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.tiscoasset.com/th/historicalnavs/init.action?navData.fundCode=TSF
***ภาพนี้ทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้แนะนำในการซื้อขาย หรือส่งเสริมให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ และหน่วยลงทุนแต่อย่างใด
ข้อมูลนำมาจากเว็บไซต์และหนังสือชี้ชวนของกองทุน และการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนทุกครั้ง
Advertisement
