Facebook
Twitter
LINE

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีกองทุนต่างๆ ในประเทศไทย เริ่มนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นของต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งการไปลงทุนเอง หรือลงทุนผ่านกองทุนต่างชาติอีกทีหนึ่ง

ในคอนเทนต์นี้เราจึงอยากรวบรวมกองทุนไทย ที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา อีกหนึ่งตลาดที่ให้ผลตอบแทนดีมาตลอดในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา

ถ้าเราอ้างอิงจากดัชนีหุ้น S&P500 ในวันนี้เมื่อ 5 ปีก่อน จะอยู่ที่ประมาณ 1,948 จุด จนถึงปัจจุบันดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ 3,876 จุด

คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นอยู่ที่ประมาณ 14.75% ต่อปี

 

ทีนี้เราวกกลับมาที่ 5 อันดับของกองทุนไทย ซึ่งลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับ 14.93% – 27.18% ก็ถือว่าสามารถสร้างผลตอบแทนเอาชนะตลาดได้

หรือถ้าพูดง่ายๆ ยกตัวอย่างจากกองทุน K-USA-A ซึ่งถ้าเราลงทุน 100,000 บาทตอนนั้น ปัจจุบันเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 332,732 บาท เป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า

 

 

แต่ละกองทุน ถือหุ้นอะไรเป็นพิเศษบ้าง!?

– Amazon

หุ้นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ มีถึง 4 กองทุน ที่ถือ Amazon อยู่ในระดับต้นๆ ของกองทุน สูงสุดคืออันดับหนึ่งในกองทุน K-USA และอีก 3 กองทุน ถือเป็นสัดส่วนอันดับ 3

 

– Apple

มี 3 กองทุนที่ถือหุ้น Apple โดยเฉพาะในส่วนของกองทุน K-USXNDQ ซึ่งมีมูลค่าถึง 12% ของสินทรัพย์

 

– Microsoft

มี 3 กองทุนที่ให้ความสำคัญกับ Microsoft เป็นอันดับต้นๆ อีกด้วย

 

สำหรับธุรกิจอื่นๆ สามารถดูได้จากในภาพประกอบนี้ครับ

 

สรุปค่าธรรมเนียม และเงินลงทุนขั้นต่ำของแต่ละกองทุน

 

อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะสงสัยว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอีกหลายกองทุนที่ลงทุนต่างประเทศ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่านี้ ทำไมจึงไม่ติดเข้ามา?

เพราะกองทุนที่ยกตัวอย่างมาในคอนเทนต์นี้ จะเป็นกองทุนในรูปแบบของตลาดหุ้นสหรัฐฯ (US Equities) ทั้งหมด จึงต้องตัดกองทุนในรูปแบบลงทุนรอบโลก (หรือ Global Equities) ทิ้งไป

แต่ในคอนเทนต์ถัดไป เราจะมาสรุปรวมกองทุนในทุกๆ รูปแบบอีกหลากหลายรูปแบบ ว่าแตกต่างกันมากแค่ไหน และให้ผลตอบแทนต่างกันมากน้อยเพียงใด

ข้อมูลนั้นทุกคนสามารถรอติดตามกันได้ในคอนเทนต์ถัดไป ระหว่างนี้อย่าลืมที่จะกดติดตาม BillionWay และตั้งค่าติดดาว ให้กับเพจไว้ได้เช่นกันครับ..

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...