หลายคนน่าจะได้ข่าวการอนุมัติวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเยียวยาโควิด-19 มูลค่ากว่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เพิ่งผ่านการลงนามรับรองไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
เม็ดเงินมูลค่ามหาศาลนี้ จะถูกอัดฉีดเข้าไปช่วยเหลือทั้งประชาชนทั่วไป คนที่ตกงาน รวมไปถึงรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานมากยิ่งขึ้น
แต่เงินกว่า 60 ล้านล้านบาทนี้ จะถูกใช้ในการช่วยเหลือด้านใดบ้าง เราลองมาดูรายละเอียดเป็นส่วนๆ กันครับ..
ส่วนแรก คือเงินที่จะไปถึงประชาชนโดยตรง ประกอบไปด้วย
– เงินช่วยเหลือ 43,000 บาทต่อคน
เป็นเงินช่วยเหลือสำหรับคนที่มีรายได้ไม่เกิน 2,300,000 บาท/ปี ซึ่งให้เพิ่มเติมจากครั้งก่อน
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น รายได้เฉลี่ยคนอเมริกัน อยู่ที่ประมาณ 1,900,000 บาท/ปี ซึ่งใครที่สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมาเล็กน้อย ก็จะยังคงได้รับเงินก้อนนี้อยู่
– ขยายระยะเวลาจ่ายเงินช่วยเหลือคนว่างงาน สัปดาห์ละ 9,200 บาท ไปจนถึงเดือนกันยายน
– ขยายเงินลดหย่อนภาษีบุตร สูงสุดถึง 110,000 บาท ซึ่งจะครอบคลุมเด็กกว่า 4,000,000 คน
– ประกันสุขภาพผู้ว่างงาน 100% ซึ่งสำหรับผู้ที่ตกงาน หรือถูกเลิกจ้าง รัฐบาลยังคงสนับสนุนสวัสดิการประกันสุขภาพ COBRA เต็ม 100%
ส่วนที่สอง คือการสนับสนุนวัคซีน และการตรวจโควิด-19
– เพิ่มงบตรวจเชื้อโควิด-19 อีก 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อขยายขีดความสามารถในการตรวจเชื้อให้ครอบคลุม และสนับสนุนการทำงานของผู้เกี่ยวข้อง
– เพิ่มเงินสนับสนุนอีก 600,000 ล้านบาท ให้หน่วยแพทย์ทำงานด้านการฉีดวัคซีนได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงขยายการฉีดวัคซีนไปยังประชาชนในพื้นที่ห่างไกล
ส่วนสุดท้าย คือการสนับสนุนหน่วยงานอื่นๆ
– สนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่น 10 ล้านล้านบาท
เม็ดเงินนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุด โดยจะเป็นการเพิ่มงบสนับสนุนรัฐบาลรัฐต่างๆ และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อควบคุมโควิด-19 ให้ควบคุมได้โดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังจะกระตุ้นให้หน่วยงานท้องถิ่นคงการจ้างงานเดิม เพิ่มการจ้างงานใหม่ และสร้างงานให้กับประชาชนเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง
– สนับสนุนสถาบันการศึกษา 5.2 ล้านล้านบาท
โดยจะเป็นการเพิ่มงบให้โรงเรียนระดับ ป.1 ถึง ม.6 และมหาวิทยาลัยที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์ เพื่อยกระดับการเรียนออนไลน์ให้ได้คุณภาพทัดเทียมกันมากขึ้น
รวมไปถึงการเตรียมสถาบันการศึกษาให้พร้อมสำหรับการกลับมาเปิดเรียนปกติอีกครั้ง หลังจากควบคุมโควิด-19 ได้เรียบร้อยแล้ว
สรุปปิดท้าย..
แผนงานดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นการอนุมัติครั้งใหญ่ครั้งแรกของประธานาธิบดี Joe Biden ที่เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งไปไม่นานนี้
โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากเกิดวิกฤติโควิด-19 ขึ้นในปีที่ผ่านมา
ทาง IMF ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐ ติดลบไปถึง -4% ในปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าในปี 2021 นี้ น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกราวๆ 3%
ซึ่งหลังจากนี้ เศรษฐกิจของประเทศที่มีมูลค่า GDP สูงถึง 600 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลกนี้ จะเป็นไปในทิศทางใดต่อ?
คุณคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองมาร่วมแลกเปลี่ยนกันครับ..
ร่วมแสดงความคิดเห็น
Advertisement