ทำไม Warren Buffett จึงมองว่า ไม่มีการลงทุนไหน ที่จะดีไปกว่าการปิดหนี้บัตรเครดิตอีกแล้ว
เรื่องที่คุณกำลังจะได้อ่านนี้ อาจจะช่วยจบทุกปัญหาด้านการเงินของคุณ เลยก็เป็นได้…
ในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไม่ได้คุยเรื่องหุ้นและการลงทุนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่มหาเศรษฐี Warren ยังได้หยิบเรื่องของเพื่อนคนหนึ่ง ให้เป็นกรณีศึกษาอีกด้วย
เมื่อเธอเข้ามาพบเขา พร้อมกับขอทางออกเรื่องปัญหาการเงินที่กำลังเผชิญ
คำถามแรกที่ Warren ถามกลับไปก็คือ “เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่รึเปล่า!?”
ปรากฏว่า.. เธอมีหนี้บัตรเครดิตอยู่ ด้วยอัตราดอกเบี้ย 18%
นั่นทำให้คำแนะนำสั้นๆ ของเขาก็คือ ทำทุกวิถีทางเพื่อปิดหนี้ตรงนี้ให้หมดก่อน!!
“ถ้าผมต้องเป็นหนี้อะไรก็ตามที่ดอกเบี้ย 18% สิ่งแรกที่ผมจะทำก็คือ จ่ายมันด้วยเงินทั้งหมดที่ผมมี”
“รับรองได้เลยว่า มันเป็นสิ่งที่ดีกว่า ทุกไอเดียการลงทุนที่ผมมีตอนนี้”
แล้วทำไม Warren Buffett ถึงได้กลัวหนี้บัตรเครดิตนัก!?
คำตอบง่ายๆ อาจจะเป็นเพราะ เขาเข้าใจความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่า “ดอกเบี้ยทบต้น” ได้เป็นอย่างดี
Warren มีผลตอบแทนในการลงทุน อยู่ที่ประมาณ 20% ต่อปี แม้จะฟังดูไม่สูงมาก แต่นี่คือสิ่งที่เขาทำได้ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา
สมมติว่า คุณไปลงทุนกับเขาในปี 1964 ด้วยเงินประมาณ 10,000 บาท
จนถึงปัจจุบันปี 2020 เงินหมื่นหนึ่งจะกลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่ากว่า 226 ล้านบาท!!
ดอกเบี้ยทบต้นนั้นสามารถทวีคูณได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ดีก็คือ การลงทุนนั้นมีความเสี่ยง และมีโอกาสขาดทุนได้เช่นกัน
ในปี 1999 เขาขาดทุนไป 20%
ย้อนไปในปี 1990 มูลค่าหุ้นของเขาลดลงไป 23%
หรือกระทั่ง ในปี 1974 มูลค่าหุ้นของเขาตกลงไปกว่า 48%
คุณจะรู้สึกยังไง ถ้าคุณบังเอิญเอาเงินไปลงทุนกับ Buffett ในปีนั้น แล้วเงินหายไปเกือบครึ่งในเวลาแค่ปีเดียว!?
แม้สุดท้ายเขาสามารถทำกำไรกลับมาได้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่า เส้นทางของนักลงทุนระดับโลก กับผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปีนั้นไม่ง่าย
เราย้อนกลับมาที่ดอกเบี้ยบัตรเครดิต…
ในสหรัฐอเมริกา ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ประมาณ 16-18%
ขณะที่ในไทย ดอกเบี้ยบัตรเครดิตของธนาคารต่างๆ ก็อยู่ที่ประมาณ 18%
ซึ่งสมมติว่าเราจ่ายแค่ขั้นต่ำ หรือไม่ยอมจ่ายหนี้ในส่วนนั้น มันก็จะกลายเป็นหนี้ก้อนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว จนกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
แล้วเราจะจัดการกับหนี้บัตรเครดิตอย่างไร!?
หลายคนกำลังหลงทาง เลือกวิธีที่ผิดๆ ด้วยการไปเป็นหนี้บัตรเครดิตใบใหม่ เพื่อมาปิดหนี้บัตรเครดิตใบเดิม
ซึ่งในมุมมองของ Buffett สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย เพราะตัวเลข 18% นั้นก็ยังคงวิ่งต่อ มันยังทำให้คุณติดอยู่ในหล่มนี้ต่อไป
คำแนะนำข้อแรก สำหรับคนที่พอจะมีเงินออมเอาไว้อยู่บ้าง
ให้แบ่งเงินเอาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จากนั้นก็ให้นำเงินเก็บที่เหลือไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
คำแนะนำข้อที่สอง สำหรับคนที่ปัญหาซับซ้อนกว่านั้น
สำหรับคนที่ไม่มีเงินสำรอง ไม่มีเงินเก็บ คุณต้องทำยังไงก็ได้ให้หนี้บัตรเครดิต 18% นั้นหมดลงเป็นก้อนแรก
ไม่ว่าจะเป็นการขอพักชำระหนี้บ้าน ที่จะมีดอกเบี้ยเพียง 4-7%
หรือการขอเจรจาพักชำระหนี้รถยนต์ ที่อาจจะมีดอกเบี้ย 3-5%
คุณจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำยังไงก็ได้ ให้มีเงินมาชำระหนี้บัตรเครดิตก้อนนั้นก่อน นั่นรวมถึงการลดทุกค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในชีวิต รวมถึงค่ากินดื่ม ค่าความบันเทิงต่างๆ ก็ด้วย
แล้วถ้าหนี้ 18% นั้นหมดลง คุณก็จะหลุดพ้นจากโซนอันตรายและจัดการกับหนี้ก้อนอื่นๆ ง่ายขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ.. คุณจะต้องปรับเปลี่ยนนิสัยใหม่ ทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ต้องมั่นใจว่าจะมีเงินมาจ่ายได้แบบเต็มจำนวนทุกครั้ง
จงจำไว้เสมอว่า “บัตรเครดิต” คือสิ่งที่ดี มันเป็นบัตรที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจ่ายเงิน แต่ต้องไม่ใช่การนำเงินในอนาคตมาใช้
และแนวคิดแบบนั้น จะทำให้คุณหลุดพ้นได้ ไม่กลับไปอยู่ในวังวนของหนี้ 18% ที่แก้ได้ยากอีกต่อไป…
ทำไม Warren Buffett จึงมองว่า ไม่มีการลงทุนไหน ที่จะดีไปกว่าการปิดหนี้บัตรเครดิตอีกแล้วเรื่องที่คุณกำลังจะได้อ่านนี้…
โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2020
ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง
– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/
– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit
– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!
ที่มา:
www.cnbc.com/2020/05/13/warren-buffett-cautions-against-carrying-a-credit-card-balance.html?__source=twitter%7Cmain
https://money.yahoo.com/warren-buffett-personal-finance-advice-155820715.html
www.valuewalk.com/2017/12/actual-returns-worlds-best-investors/
Advertisement