Facebook
Twitter
LINE

Tesla กับเรื่องราวการเกือบ ‘ล้มละลาย’

เราอาจจะรู้จัก Tesla ในแง่ของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลก ที่ผลิตรถอย่าง Model S, Model X หรือ Model 3 สร้างยอดขายถล่มทลาย

ในปัจจุบัน Tesla มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท

(ซึ่งนั่นใหญ่พอๆ กันกับ ปตท. หุ้นยักษ์ใหญ่ที่สุดของตลาดหุ้นไทยเลยทีเดียว)

แต่ใครจะรู้ว่า ครั้งหนึ่งบริษัท Tesla ก็เคยเกือบจะไปไม่รอด ไม่มีโอกาสได้ผลิตรถยนต์ออกมาขายแม้แต่คันเดียว…

 

 

ย้อนกลับไปในปี 2008 หลายคนยังจำได้ดีถึงการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า Hamburger Crisis

แม้วิกฤติจะเริ่มต้นมาจากวงการอสังหาริมทรัพย์และการเงิน

แต่การที่เกิดวิกฤติ ย่อมหมายถึงเงินหายไปจากระบบ และมันส่งผลกระทบไปถึงทุกภาคส่วนตั้งแต่ชั้นนายทุนยันรากหญ้า

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านอุปโภคบริโภค สายการบิน หรือกระทั่ง “ยานยนต์” ด้วยเช่นกัน

ร้ายแรงขนาดที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง General Motors และ Chrysler ต้องขอรับเงินช่วยเหลือนับแสนล้านบาทจากรัฐบาล เพื่อรักษาสภาพคล่องของบริษัท และอุดหนุนไม่ให้ล้มละลาย

แล้วประสาอะไรกับบริษัทยานยนต์ที่เกิดใหม่อย่าง Tesla ล่ะ!?

 

ในปี 2008 นั้น Tesla ยังไม่ได้เป็นบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหุ้น และคำว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” ยังดูห่างไกลจากความเป็นจริงนัก

พวกเขาเปิดตัวเพียงแค่รถสปอร์ต Tesla Roadster มาเพื่อเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนทั่วโลก

นั่นเพื่อเปลี่ยนแนวคิดที่ว่า รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพียงแค่รถเล็ก เป็นเพียงรถกอล์ฟ ใช้งานไม่ได้จริง หรือไม่ได้ดูเท่อะไร

 

เปลี่ยนความคิดคน แล้วยังไงต่อ!?

หลังจากทำให้คนเห็นว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” ก็เท่ได้ นำไปสู่การเปิดตัวรถรุ่นต่อไป นั่นก็คือ Model S

Model S คือรถส่วนบุคคล 4 ประตู ที่เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่กลางปี 2008 และให้ผู้คนได้สั่งจองกันล่วงหน้า

แผนการดูเหมือนจะราบรื่น รถก็ได้รับการตอบรับดี และเตรียมจะขึ้นสายการผลิตเพื่อส่งมอบรถในปี 2012

เท่ากับว่า ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้มีรถมาขายเพื่อสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ เหมือนกับค่ายใหญ่ของญี่ปุ่น หรือเยอรมนี

 

ปัญหาก็คือ.. การผลิตต้องใช้เงิน และวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้เงินขาดมือ

Elon Musk เจ้าของบริษัทยิ่งเจอวิกฤติที่มากกว่า เพราะตอนนั้นเขาทำทั้งธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า Tesla และธุรกิจด้านอวกาศ SpaceX ไปพร้อมๆ กัน

สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าบริษัทเงินขาดมือ ก็คือ ทั้งสองบริษัทดันเงินขาดมือพร้อมๆ กันอีก!!

 

 

เขาเปิดใจถึงสถานการณ์ในตอนนั้นว่า

“ผมต้องเลือกระหว่าง SpaceX หรือ Tesla หรือไม่ก็แบ่งเงินที่เหลือไปช่วยทั้งสองบริษัท”

“นั่นเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก ถ้าผมแบ่งเงินไปครึ่งๆ กลางๆ มันก็อาจจะไม่รอดทั้งคู่

ถ้าผมนำเงินไปลงทุนเพียงบริษัทเดียว โอกาสรอดก็มีสูงกว่า แต่นั่นหมายถึงอีกบริษัทต้องล้มละลายแน่ๆ

ผมคิดเรื่องนี้ไม่ตกเลย..”

 

คำว่า “คิดไม่ตก” ของ Elon นั้นเป็นเรื่องที่คิดไม่ตกจริงๆ

เพราะเขาต้องดิ้นรนหาทางออก จนกระทั่งเข้าสู่ปลายเดือนธันวาคม 2018

ระหว่างนั้นคือการติดต่อไปหาทุกคนที่รู้จัก ทุกคอนเนคชั่นที่เขามี โดยมีเป้าหมายหลักก็คือ “หาเงินมาช่วยพยุงกิจการ”

SpaceX นั้นหายใจคล่องก่อน เมื่อเขาสามารถรับงานด้านอวกาศจาก NASA ด้วยมูลค่าสัญญาจ้าง 50,000 ล้านเหรียญ ตอนนี้เรื่องเงินขาดมือไม่ใช่ปัญหาแล้ว

และสำหรับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า ดูเหมือนว่าโชคจะยังเข้าข้าง ให้ได้มีโอกาสผลิตรถออกมาขายจริงๆ..

 

คืนวันคริสมาสต์อีฟ ในเดือนธันวาคม 2018 ก่อนที่บริษัทต่างๆ จะหยุดทำการช่วงขึ้นปีใหม่

หลังจากการวิ่งขอความช่วยเหลือจากรอบโลก ในที่สุด Daimler บริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมันเจ้าของ Mercedes-Benz ก็ยอมให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน

เงินมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท แลกกับการที่ Elon ต้องแบ่งหุ้นบริษัทให้ และ Tesla ยังต้องสนับสนุนแบตเตอรี่กับองค์ความรู้เรื่องยานยนต์ไฟฟ้าให้กับ Daimler

 

เงินก้อนนั้นพลิกวิกฤติ และทำให้ Tesla มีโอกาสในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกวางขาย และก้าวสู่บริษัทชั้นนำในตลาดโลกอย่างทุกวันนี้

ลองคิดเล่นๆ ว่า หากวันนั้น Elon ไม่สามารถหาเงินก้อนนั้นมาช่วยพยุงบริษัทไว้ได้

เราอาจจะไม่ได้เห็นผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าเปลี่ยนโลก ออกมาโลดแล่นได้เร็วขนาดนั้น และโลกคงต้องรออีกหลายปีกว่าค่ายญี่ปุ่น เยอรมัน หรือกระทั่งจีน จะนำเสนอมันออกมา

และ Tesla ก็อาจจะล้มไปเหมือนกับอีกหลายบริษัทในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนั้น..

 

เช่นเดียวกันกับธุรกิจของเราเอง ถึงแม้เราจะไม่ใช่ Tesla และเราไม่สามารถหาเงินสนับสนุนจาก Daimler ได้

แต่ธุรกิจเรา ก็อาจจะถึงช่วงที่จำเป็นต้องใช้เงิน ทั้งมาช่วยพยุงกิจการ เติมเต็มสภาพคล่อง หรือขยายกิจการของเราเอง

แล้วถ้าธุรกิจของคุณมีโอกาสที่จะเติบโต จะหาเงินเพื่อขยายธุรกิจได้จากไหนจากไหน!?

รู้ไหมว่าทางธนาคารธนชาต ก็มีสินเชื่อ SME Biz Smart  ให้คุณขับเคลื่อนธุรกิจได้เร็วยิ่งกว่าเดิม

สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ให้วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 10 ปี

สามารถกู้ได้ท้งในรูปของวงเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) หรือ O/D หรือ T/L + OD และอนุมัติสินเชื่อรวดเร็วทันใจ

สำหรับใครที่สนใจในตัวสินเชื่อดังกล่าว และบริการดีๆ อย่างอื่นของธนาคารธนชาต สามารถดูรายละเอียดได้เลยนะครับที่ http://bit.ly/2PIQjaL

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ…

 

 

ที่มา:

https://ycharts.com/companies/TSLA/market_cap

https://www.quora.com/Why-did-Mercedes-Daimler-sell-all-its-Tesla-shares-after-saving-the-company%E2%80%99s-future

https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_Model_S

https://en.wikipedia.org/wiki/Tesla_Roadster_(2008)

https://www.theverge.com/2015/5/14/8605597/elon-musk-discusses-spacex-tesla-near-bankruptcy

https://www.theverge.com/2013/8/8/4602772/elon-musk-richard-branson-google-hangout-offers-startup-ceo-advice

https://www.sfgate.com/business/article/Did-Tesla-nearly-go-bankrupt-without-investors-6239762.php

https://www.businessinsider.com/elon-musk-shares-the-miracle-that-saved-tesla-2015-12

 

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...