Facebook
Twitter
LINE

ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าประมาณ 17 ล้านล้านบาท

แต่ถ้านับเฉพาะบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรก

ก็มีมูลค่าทางตลาดรวมกัน 6.6 ล้านล้านบาทแล้ว

คิดเป็น 38% ของมูลค่ารวมตลาดหุ้นแล้ว

 

 

บริษัทท็อป 10 นี้ แบ่งเป็นธุรกิจประเภทใดบ้าง

– กลุ่มธนาคาร 3 บริษัท ได้แก่ KBANK, SCB และ BBL ซึ่งก็คือธนาคารใหญ่ในประเทศ

– กลุ่มพลังงาน 2 บริษัท  PTT และ PTTEP ธุรกิจในเครือ ปตท. ทั้งคู่

– ส่วนกลุ่มอื่นๆ ติดเข้ามาบริษัทเดียว

กลุ่มการขนส่ง AOT บริษัทการท่าอากาศยานไทย

กลุ่มพาณิชย์ CPALL เครือของซีพี ออลล์

กลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ADVANC หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ AIS

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC เครือปูนซีเมนต์ไทย ซึ่งไม่ได้ใช้ชื่อว่า SCG (ส่วนชื่อหุ้น SCG นั้นเป็นของบริษัท สหโคเจน จำกัด)

กลุ่มโรงพยาบาล BDMS เครือโรงพยาบาลกรุงเทพนั่นเอง

 

เป็นเจ้าของร่วมของบริษัทท็อป 10 ในตลาดหุ้น…

ถึงคุณจะเป็นเจ้าของบริษัทเหล่านี้แบบ 100% ไม่ได้

แต่คุณก็สามารถเป็นเจ้าของร่วมได้ด้วยการซื้อหุ้นของบริษัทเหล่านี้

แม้จะเป็นการซื้อเพียงแค่ 0.0001% ก็ตาม

ในตลาดหุ้นไทย คุณต้องซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้น

เพราะฉะนั้นราคาขั้นต่ำที่จะเป็นเจ้าของได้ ก็คือการเอาราคาหุ้น คูณด้วย 100

นั่นก็คือราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของร่วมบริษัทนั้นได้

 

อ่อ.. ที่จริงแล้วการซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์

ยังต้องคิดค่าธรรมเนียมอีกประมาณ 0.15-0.25% และเสีย VAT อีก 7% ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี

สมมติว่าคุณอยากเป็นเจ้าของ ปตท. ก็ซื้อ PTT จำนวน 100 หุ้น

เป็นราคา  54.25 x 100 = 5,425 บาท

ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 8-13 บาทนั่นเอง

 

การซื้อหุ้นบริษัทใหญ่นั้นมีข้อดีอย่างไร

ข้อดีอย่างหนึ่งคือความมั่นคง ซึ่งบริษัทใหญ่ระดับประเทศนั้นต่างเปิดกิจการมาอย่างยาวนาน

ราคาหุ้นที่ไม่หวือหวามากจนอาจจะสร้างผลตอบแทนได้หลายเท่าในเวลาอันสั้น

แต่ก็แลกมาด้วยโอกาสสูญหายไปของเงินที่น้อยกว่าเช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้มักจะมีผลการดำเนินงานที่ดี และจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

 

แต่… ย้ำกันอีกรอบหนึ่งว่า

“ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง” ต่อให้เป็นบริษัทใหญ่แค่ไหน ก็สามารถขาดทุน มีรายได้ลดลงจากเดิม

ส่งผลต่อโอกาสไม่จ่ายปันผล หรือราคาหุ้นที่ลดลงไปในอนาคต

ซึ่งจุดนี้ไม่มีใครสามารถบอกได้ 100% ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

(ถ้าเขารู้อนาคต เขาก็คงเอาเงินไปซื้อเอง แทนที่จะมานั่งบอกกันจริงไหม??)

ฉะนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน

เพราะ “ความรู้” คือเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่ดีที่สุด

ความรู้ในสิ่งที่เราลงทุน สามารถช่วยให้เราเอาตัวรอดได้เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในอะไรก็ตาม…

 

ขอบคุณผู้สนับสนุนใจดี:

ใครสนใจอยากจะซื้อ-ขายหุ้น แต่ยังไม่มีบัญชีก็ไม่ต้องกังวล

เปิดบัญชีง่ายๆ กับ “บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด” ซื้อขายง่าย ค่าธรรมเนียมถูก แถมไม่มียอดขั้นต่ำด้วย!!

สามารถลงทะเบียนเปิดออนไลน์ได้เลยครับที่ https://tiscoetrade.settrade.com

 

 

ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...