Facebook
Twitter
LINE

“จีน” จะเป็นประเทศแรกของโลก ที่ใช้สกุลเงินดิจิทัล ซึ่งออกมาโดยรัฐบาลเอง

สกุลเงินใหม่ที่มีชื่อเล่นว่า “หยวนดิจิทัล” นั้นน่าสนใจอย่างไร!? และจะส่งผลต่อโลกเราในอนาคตมากแค่ไหน!? ลองมาติดตามกันครับ..

 

ย้อนจุดกำเนิดของ “หยวนดิจิทัล”

ประเทศจีนได้ชื่อว่าเป็นประเทศตัวอย่างของ “สังคมไร้เงินสด” นั่นก็เพราะมีการใช้จ่ายเงินผ่านทางโทรศัพท์มือถือสูงมาก

ถ้าถามว่ามากแค่ไหน!? ก็ต้องตอบว่ามากกกกกกกกกกกกกก

ตามข้อมูลระบุว่าในปี 2009 มียอดผู้ใช้จ่ายเงินออนไลน์ประมาณ 94 ล้านคน

ผ่านมาประมาณสิบปี ในปี 2019 ตัวเลขผู้ใช้จ่ายเงินออนไลน์เพิ่มเป็น 800 ล้านคน เกินครึ่งของประชากร 1,400 ล้านคนทั่วประเทศ

เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เราจะเห็นร้านสะดวกซื้อ แม่ค้าในตลาด หรือกระทั่งขอทาน มี QR Code สำหรับรับเงินโดยเฉพาะ

แต่ถ้าเรามองตลาดการจ่ายเงินผ่านมือถือของจีน จะพบว่ามีรายใหญ่ได้แก่

Alipay (Alibaba) ครองส่วนแบ่งสูงสุด 55%

Tenpay (Tencent + WeChat) ครองส่วนแบ่ง 40%

ที่เหลือก็คือผู้ให้บริการรายย่อยอื่นๆ

นั่นเท่ากับว่าการรับจ่ายเงินหยวนแต่ละครั้งผ่านระบบออนไลน์ บริษัทเอกชนเหล่านั้นก็จะมีข้อมูลการเคลื่อนไหวของเงินเก็บไว้

ซึ่งพวกเขาก็จะมีข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อ (หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าส่งต่อข้อมูลให้ทางรัฐบาลจีน)

แต่.. สำหรับธุรกรรมอื่นๆ ที่ใช้เงินสดล่ะ!? เท่ากับว่ารัฐบาลจะไม่มีข้อมูลการใช้จ่ายเงินเหล่านั้นในระบบ จึงต้องหาทางแก้ปัญหาดังกล่าว

 

ในยุคที่แม้แต่ขอทาน ก็รับเงินผ่าน QR Code

 

ย้อนกลับไปในปี 2014 โลกได้เริ่มรู้จักกับสกุลเงินดิจิทัลที่ชื่อว่า Bitcoin

เพราะสกุลเงินดังกล่าวกลายเป็นกระแส หลังจากทำราคาขึ้นไปนับสิบเท่า จากประมาณ 90 ดอลลาร์สหรัฐ ไปเป็นประมาณ 1,000 ดอลลาร์

นั่นทำให้ธนาคารจีนเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของการมีสกุลเงินดิจิทัลของประเทศตัวเองด้วย

ก่อนที่ในปี 2017 จะให้ธนาคารพาณิชย์ และผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันออกแบบระบบ สร้างสกุลเงิน “หยวนดิจิทัล” ขึ้นมา จนกระทั่งพร้อมใช้ในปีนี้

 

สกุลเงินดิจิทัลของจีน คืออะไร!?

“หยวนดิจิทัล” อาจจะดูเป็นสกุลเงินดิจิทัลเหมือน Bitcoin แต่แท้จริงแล้วกลับมีความแตกต่างกันอยู่มาก

ข้อแรก เงินหยวนดิจิทัล จะอ้างอิงกับค่าเงินหยวนแบบ 1:1 นั่นหมายความว่าถ้าเงินหยวนมีค่าเท่าไร เงินหยวนดิจิทัลก็จะมีค่าเท่านั้น

ซึ่งต่างจาก Bitcoin ที่ไม่ได้อ้างอิงกับสินทรัพย์ใดๆ หรือ Libra ที่อ้างอิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นส่วนใหญ่

 

ในขณะที่ Bitcoin ขึ้นชื่อเรื่องของความอิสระ ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมใดๆ และสามารถรับจ่ายเงินได้โดยไม่ต้องระบุตัวตน

แต่เงินหยวนดิจิทัลนั้น ธนาคารกลางจีนมีสิทธิ์ควบคุมโดยตรง เพราะเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา

ทำให้สามารถติดตามได้ว่าเงินไปอยู่ตรงไหนแล้ว ถูกใช้จ่ายอย่างไรบ้าง ประชาชนหรือบริษัทไหนเป็นผู้ครอบครองอยู่

 

มีเงินหยวนมูลค่ามหาศาล ที่รัฐบาลไม่สามารถตรวจสอบได้

 

การก้าวสู่สังคมไร้เงินสดแบบเต็มตัว

หลังจากทดสอบมาจนมั่นใจว่าไม่มีปัญหา ธนาคารกลางจีนก็เริ่มดำเนินการทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัล ในหลายเมือง เช่น เซินเจิ้น, เฉิงตู หรือซูโจว

โดยการทดสอบจ่ายเป็นเงินเดือนบางส่วน และสวัสดิการให้กับข้าราชการ นั่นจะเป็นเหมือนการบีบบังคับให้พวกเขาต้องใช้เงินดิจิทัลไปในตัว

แล้วถ้าการทดสอบนี้ได้ผลดี ก็อาจจะขยายต่อไปยังส่วนธุรกิจอื่นๆ ต่อไปภายในปีนี้

ซึ่งหากไปถึงจุดนั้น ร้านค้าที่รับจ่ายเงินผ่าน QR Code ของผู้ให้บริการต่างๆ ก็จะถูกบังคับให้รับทั้งสกุลเงินเดิม และสกุลเงินดิจิทัลนี้ด้วย

ในขณะที่แอปจ่ายเงินชื่อดังของทั้ง Alibaba และ Tencent ที่ตอนนี้ให้บริการรับจ่ายเงินสกุลหยวน ก็พร้อมให้ความร่วมมือหากรัฐบาลขอให้เปิดใช้เงินใหม่นี้ด้วย

(แหงล่ะสิ ก็มีรัฐบาลจีนหนุนหลังนี่นา!!.. อุ๊บส์ แมวเหยียบคีย์บอร์ด)

 

แม้ในปัจจุบัน จะมีผู้ใช้จ่ายเงินออนไลน์มากถึง 800 ล้านคน แต่มองในอีกมุมหนึ่ง ก็ยังมีคนที่เข้าไม่ถึงระบบนี้อีกมาก

พวกเขาเหล่านั้นยังรู้จักเพียงการใช้จ่ายแบบ “เงินสด” ซึ่งกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยในโลกอนาคต

แล้วถ้าคนทั้ง 1,400 ล้านคน สามารถรับจ่ายเงินผ่านระบบได้หมด

ถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จะถูกควบคุมและตรวจสอบได้โดยง่าย รวมไปถึงเรื่องการ “ทุจริตและฟอกเงิน” ที่ทางรัฐบาลเน้นย้ำว่าอยากควบคุมให้ได้

ซึ่งการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ภายใต้การปกครองของจีนนั่นเอง…

 

"จีน" เป็นประเทศแรกของโลก ที่ใช้สกุลเงินดิจิทัลซึ่งออกมาโดยรัฐบาลเองสกุลเงินใหม่ที่มีชื่อเล่นว่า "หยวนดิจิทัล"…

โพสต์โดย Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2020

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา:

cntechpost.com/2020/01/20/alipay-maintains-no-1-spot-in-chinas-mobile-payment-market-with-54-5-share/

www.statista.com/statistics/248900/number-of-online-payment-users-in-china/

www.theguardian.com/world/2020/apr/28/china-starts-major-trial-of-state-run-digital-currency

bitcoinaddict.org/2020/04/27/china-digital-yuan-dcep/

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...