Facebook
Twitter
LINE

การประกาศปิดตัวของ BX.in.th เว็บไซต์ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล ก็ถือข่าวใหญ่ที่เรียกว่าช็อกวงการพอสมควร

 

เงินดิจิทัล ที่หลายคนอาจจะเรียกติดปากว่า “เงินคริปโต”

(หรือถ้าใครซึ่งไม่ได้ตามอย่างใกล้ชิด ก็น่าจะคุ้นหูหรือเคยได้ยินคำว่า “บิตคอยน์” กันบ้าง)

บิตคอยน์ คือเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด แต่ก็ยังมีเงินดิจิทัลอีกหลายสกุลซึ่งได้รับความนิยมรองลงมา

การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลเหล่านั้น ก็จะมีตัวกลางมาทำหน้าที่รับซื้อขายแลกเปลี่ยน คล้ายกับบริษัทรับแลกเงิน

ถ้ามีการซื้อขายแลกเปลี่ยนบ่อยครั้ง หรือมีการทำธุรกรรมปริมาณมาก บริษัทที่ทำการรับแลกเปลี่ยนก็จะมีกำไรไปโดยปริยาย

 

BX.in.th คืออีกหนึ่งเว็บไซต์ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินคริปโต ที่มาเปิดให้บริการในไทยเป็นเจ้าแรกๆ

และนั่นทำให้เว็บไซต์ได้รับความนิยม พร้อมกับกระแสของ “บิตคอยน์” ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

กระแสที่เติบโตขึ้นนั้น ทำให้มีอีกหลายเจ้า เปิดตัวเว็บไซต์เป็นตัวกลางซื้อขายแลกเปลี่ยน จนเกิดขึ้นเต็มไปหมดในยุคนั้น

กระทั่งในปี 2013 ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาตรการควบคุม และจัดระเบียบการซื้อขายแลกเปลี่ยนให้มีหลักเกณฑ์มากยิ่งขึ้น

หลังจากนั้น มีหลายเว็บไซต์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ควบคุม และบางเว็บที่ผ่านเกณฑ์ควบคุม ซึ่ง BX.in.th เป็นหนึ่งในนั้น

 

พวกเขาผ่านเกณฑ์ มีใบอนุญาต และสามารถเปิดดำเนินงานได้อย่างปกติ มาจนกระทั่งถึงวันนี้

เมื่อมีการประกาศผ่านหน้าเว็บไซต์ว่า “จะปิดกิจการ” โดยมีรายละเอียดพอสรุปได้ดังนี้…

– เว็บไซต์จะงดทำการฝากเงินเข้าระบบ ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2019 เป็นต้นไป

– หลังจากวันที่ 30 กันยายน 2019 ลูกค้าจะไม่สามารถทำการซื้อขาย แลกเปลี่ยนผ่านเว็บไซต์ BX.in.th ได้อีกต่อไป

– ลูกค้าจะยังส่งคำสั่งถอนเงินได้ตามปกติ จนกระทั่งถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2019

– หลังจากนั้นจะยังคงเปิดเว็บไซต์เอาไว้ เพื่อให้ลูกค้าที่ยังคงมีเงินคงค้างในระบบและดำเนินการไม่ทันวันที่กำหนด ได้ติดต่อเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น

– BX.in.th ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าลูกค้าที่มีเงินในระบบ จะสามารถถอนเงินได้ครบถ้วน

– เว็บไซต์ดังกล่าวยังให้เหตุผลว่า การปิดให้บริการครั้งนี้ เกิดจาก..

“บริษัทไม่มีความประสงค์ จะต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2563 อีกต่อไป”

 

ปิดกิจการเพราะขาดทุน!?

มีการถกเถียงในประเด็นนี้ ว่าเป็นการปิดกิจการเพราะธุรกิจขาดทุนหรือไม่ เราจึงต้องลองเปิดข้อมูลดูงบการเงินของ BX.in.th หรือบริษัท บิทคอยน์ จำกัด ในช่วง 5 ปีหลังสุด

ปี 2014 มีรายได้ 1.2 ล้านบาท มีกำไร 288,000 บาท

ปี 2015 มีรายได้ 4.3 ล้านบาท มีกำไร 699,000 บาท

ปี 2016 มีรายได้ 9 ล้านบาท มีกำไร 6.2 ล้านบาท

ปี 2017 มีรายได้ 285 ล้านบาท มีกำไร 212 ล้านบาท

ปี 2018 มีรายได้ 379 ล้านบาท มีกำไร 224 ล้านบาท

 

จะเห็นได้ว่าบริษัทยังคงมีกำไร และเมื่อเทียบกับรายได้แล้ว ถือว่าทำกำไรได้ในสัดส่วนที่สูงมาก

อย่างเช่นในปี 2018 ที่กำไรของบริษัท คิดเป็นประมาณ 60% ของรายได้รวมเลยทีเดียว

นั่นทำให้เกิดการวิเคราะห์ตามมาว่า หากบริษัทไม่ขาดทุน จะเป็นพราะใบอนุญาตประกอบธุรกิจดังกล่าว อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่แพงเกินไปหรือไม่!?

หรือกฎเกณฑ์และค่าใช้จ่ายบางอย่าง ไม่มีความคุ้มค่าให้กับบริษัททำกิจการซื้อขายอีกต่อไป!? ยังคงเป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้เช่นกัน

 

เงินคริปโต และบิตคอยน์ ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย…

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ประโยชน์และได้กำไรจากมัน บนความเป็นจริงของการซื้อขาย ย่อมมีทั้งคนที่ขาดทุน และกำไร

เราไม่อาจปฏิเสธความจริงอย่างหนึ่งว่า แม้จะยังคงมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินคริปโตอย่าง “บิตคอยน์” และเงินสกุลอื่นๆ ในปัจจุบัน

แต่กระแสความนิยมอย่างล้นหลาม หรือที่เรียกว่า “ความเห่อ” นั้นได้ซาลงไปพอสมควร เมื่อเทียบกับช่วงปี 2017 หรือ 2018

 

มันอาจจะเป็นธรรมดาของโลก เมื่อมีสิ่งใหม่ๆ ที่คนยังไม่รู้จักเข้ามา มนุษย์ย่อมเกิดความรู้สึกอยากรู้ อยากลอง แห่เข้าไปตามๆ กัน

จนทำให้เกิดความนิยมที่ “เฟ้อ” เกินกว่าความเป็นจริงไปเล็กน้อย

แต่สุดท้ายสิ่งที่เฟ้อไปนั้น ก็ย่อมต้องกลับลงมาสู่ความเป็นจริงในที่สุด ไม่วันใดก็วันหนึ่งนั่นเอง…

 

 

ติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

– เริ่มจากช่องทางใหม่ล่าสุด อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

– ตามต่อในทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

– ติดตามเพจ Billion Mindset – แนวคิดพันล้าน อย่าลืมตั้งค่า See First เพื่อไม่ให้พลาดทุกโพสต์ใหม่นะครับ!!

 

ที่มา:

https://datawarehouse.dbd.go.th/fin/profitloss/5/0105556091748

https://bx.in.th/

https://www.blognone.com/node/111648

Advertisement

แสดงความคิดเห็น...